post

3 สวนสาธารณะในกรุงเทพที่คนชอบวิ่งไม่ควรพลาด

การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ทำได้ง่าย และสามารถทำได้ในทุก ๆ วัน ไม่ว่าจะเป็นช่วงเช้าหลังตื่นนอน หรือช่วงเวลาเย็น ๆ หลังเลิกงาน หรือหากใครต้องการการวิ่งที่ไม่ต้องเร่งรีบแข่งกับเวลามากมายอะไรนักก็อาจจะเก็บเอาไว้วิ่งวันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็ย่อมทำได้ จะวิ่งบนลู่หรือจะออกไปสูดอากาศที่โล่งก็สามารถทำได้ง่าย แต่สำหรับในเมืองหลวงที่ผู้คนพลุกพล่านและมีมลภาวะทางอากาศค่อนข้างมากอย่างกรุงเทพมหานคร การจะหาสถานที่สำหรับเอาไว้วิ่งชิล ๆ กลางแจ้ง นอกจากลู่วิ่งตามมหาวิทยาลัยหรือศูนย์กีฬาต่าง ๆ ก็คงจะหนีไม่พ้นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจอย่างสวนสาธารณะ ซึ่งบทความนี้จะนำเอา 3 สวนสาธารณะในกรุงเทพที่คนชอบวิ่งไม่ควรพลาดมาฝากกัน ไปดูกันได้เลย

1.สวนลุมพินี ซึ่งตั้งอยู่บริเวณถนนพระราม 4 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน เป็นสวนสาธารณะที่เรียกได้ว่าอยู่ใจกลางกรุงแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางสำหรับผู้คนหลากหลายมาพักผ่อนหย่อนใจ มาออกกำลังกาย มาวิ่ง ที่นี่มีกิจกรรมต่าง ๆ มากมายไว้คอยให้ความผ่อนคลาย ไม่ว่าจะเป็นการพายเรือคายัค ปั่นเป็ด สระว่ายน้ำ ห้องสมุด กลุ่มออกกำลังกายต่าง ๆ เช่น การรำไทเก๊ก การเต้นแอโรบิค เป็นต้น การเดินทางมาที่นี่ก็แสนจะสะดวกง่ายดายเพราะว่ามีที่ตั้งอยู่ใกล้กับขนส่งสาธารณะอย่าง MRT และ BTS โดยที่นี่เปิดให้เข้าใช้บริการตั้งแต่เวลา 04.00 น. ถึง 21.00 น. ระยะทางที่สามารถวิ่งได้รอบสวนสาธารณะอยู่ที่ประมาณ 2.5 กิโลเมตร

2.สวนหลวง ร.9 ซึ่งตั้งอยู่บริเวณถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 แขวงหนองบอน เขตประเวศ จัดเป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกรุงเทพ โดยมีเนื้อที่กว่า 500 ไร่ รับรองว่านักวิ่งคนไหนที่ชอบธรรมชาติ ชอบชื่นชมทัศนียภาพของต้นไม้ดอกไม้ต้องไม่ควรพลาด เพราะที่นี่จะมีการจัดแสดงพันธุ์ไม้น้อยใหญ่ทั้งของไทยของต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น จีน หรือประเทศทางแถบยุโรปเอาไว้ทั่วทั้งสวนสาธารณะ แถมที่นี่ยังเหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้เป็นที่ฝึกซ้อมวิ่ง Fun Run และแวะพักเพื่อลุ้นผลกีฬาบนแอป Fun88 Sport โดยหากวิ่งรอบสวนสาธารณะจะได้ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตรพอดี โดยที่นี่เปิดให้เข้าใช้บริการตั้งแต่เวลา 05.00 น. ถึง 19.00 น.

3.สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณ ถนนกำแพงเพชร 3 แขวงจตุจักร เขตจตุจักร มีเนื้อที่ประมาณ 375 ไร่ ภายในประกอบไปด้วยสวนต่าง ๆ อาทิ สวนพิพิธภัณฑ์รถไฟ สวนสมุนไพร สวนพฤกษศาสตร์ สวนพุทธศาสนา ลานกีฬา เหมาะสำหรับเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวกรุงเทพ ที่นี่สามารถที่จะเช่าจักรยานปั่นกันได้ และเหมาะสำหรับนักวิ่งที่ต้องการวิ่งท่ามกลางบรรยากาศต้นไม้และอากาศบริสุทธิ์ 2 ข้างทางเป็นอย่างยิ่ง ที่นี่เปิดให้เข้าใช้บริการตั้งแต่เวลา 04.30 น. ถึง 21.00 น. ระยะทางที่สามารถวิ่งได้รอบสวนสาธารณะอยู่ที่ประมาณ 2.5 กิโลเมตร

นอกจากสวนสาธารณะดังกล่าวที่แนะนำกันแล้ว ภายในกรุงเทพมหานครก็ยังมีสวนสาธารณะอื่น ๆ ที่สามารถใช้เป็นสถานที่ออกกำลังกายและซ้อมวิ่งได้ ไว้คราวหน้าจะนำเอามาสวนสาธารณะแห่งไหนมาแนะนำให้ท่านผู้อ่านทุกคนเพิ่มเติม ต้องคอยติดตามกันให้ดีดี

post

3 ประเภทการวิ่งที่บอกเลยว่าน่าสนุกตื่นเต้นเร้าใจมาก

“กีฬาวิ่ง” เป็นกีฬาที่สามารถทำได้ทั้งในร่มและกลางแจ้ง เป็นกีฬาที่มีเพียงแค่รองเท้าวิ่งก็สามารถที่จะพาตัวเองออกไปโลดแล่นให้เสียเหงื่อเพื่อเป็นการออกกำลังกายให้มีสุขภาพที่ดีกันได้แล้ว แต่ต้องบอกเลยว่าชนิดและประเภทของการวิ่งก็มีด้วยกันหลายหลายรูปแบบ ซึ่งประเภทการวิ่งที่จะนำมาแนะนำกันในบทความนี้บอกเลยว่าน่าสนุกตื่นเต้นเร้าใจสำหรับนักวิ่งที่รักธรรมชาติและการผจญภัยอย่างแน่นอน

1.Trail Running เป็นประเภทหนึ่งของกีฬาวิ่งที่ได้รับความนิยมจากนักวิ่งสายลุยเป็นอย่างมาก เพราะการวิ่งประเภทนี้เป็นการผสมผสานระหว่างการวิ่งและการ hiking ไปตามป่าตามเขา ระยะทางวิ่งตั้งแต่ 15 – 100 กิโลเมตร ดังนั้นนักวิ่งที่รักธรรมชาติจะต้องถูกใจสิ่งนี้อย่างแน่นอน เพราะนอกจากจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดธรรมชาติแล้ว ยังมีโอกาสได้รับความตื่นตาตื่นใจกับสนามแต่ละสนามที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละรายการวิ่งในแต่ละครั้งอีกด้วย เรียกได้ว่าหากนักวิ่งคนไหนสนใจวิ่งไปด้วยสูดอากาศบริสุทธิ์ไปด้วย อีกทั้งยังได้ความรู้สึกของการผจญภัยสมัยเด็ก ๆ ด้วยแล้วล่ะก็ ต้องห้ามพลาดการวิ่งประเภทนี้ด้วยประการทั้งปวง

2.Cross Country เป็นการวิ่งที่มีลักษณะใกล้เคียงกับการวิ่งแบบ Trail Running คือเป็นไปตามป่าเขาลำเนาไพรเช่นเดียวกัน จะต่างกันก็ตรงที่ระยะทางวิบากที่ใช้วิ่งจะอยู่ที่ประมาณ 4 – 12 กิโลเมตรเท่านั้น โดยส่วนใหญ่แล้วรายการวิ่งประเภทนี้จะถูกจัดขึ้นในฤดูฝนหรือฤดูหนาวซะเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นการวิ่งประเภทนี้จึงรับประกันความลุยและความเลอะให้กับนั่งวิ่งที่เข้าร่วมได้เลยอย่างไม่ต้องสงสัย บางรายการที่ถูกจัดขึ้นนั้น เส้นทางที่จัดไว้ให้อาจจะมีด้วยกันหลายสภาพภูมิประเทศและสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นทุ่งหญ้าโล่ง ป่าทึบ เนินเขา ลำธาร แอ่งโคลน เป็นต้น ซึ่งแน่นอนว่านักวิ่งที่เข้าร่วมการแข่งขันก็สามารถร่วมแข่งได้ทั้งแบบเดียวและแบบทีม เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งประเภทการวิ่งที่น่าสนุก และน่าลองอยู่ไม่ใช่น้อย

3.Spartan เป็นการวิ่งผ่านด่านอุปสรรค หรือที่เรียกกันว่าวิ่งวิบากเป็นระยะทาง 5 กิโลเมตร โดยการวิ่งประเภทนี้นั้นเหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักวิ่งที่เป็นสายชอบการผจญภัยตัวยง เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความท้าทายหรือต้องการทดสอบพละกำลังทั้งกายและใจของตัวเอง เพราะนอกจากการวิ่งแล้วนั้น ผู้เข้าแข่งขันจะต้องมีการคลาน หมอบ ลาก ดึง ป่ายปีนไปตามอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เป็นด่านอุปสรรคที่ทางผู้จัดงานเตรียมไว้ให้ ไม่ว่าจะเป็นเนินเขา ลวดหนาม สะพานเชือก ลุยน้ำ กระโดดข้ามกองไฟ ไต่กำแพง เป็นต้น เรียกได้ว่าถูกใจสายลุยอย่างแน่นอน

เป็นอย่างไรกันบ้างกับประเภทการวิ่งที่ทั้งน่าสนุกตื่นเต้น และเร้าใจที่นำมาฝากกัน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะถูกใจนักวิ่งสายลุยทั้งหลายไม่มากก็น้อย แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะชอบการผจญภัยหรือชอบความท้าทายขนาดไหน ก็อย่าลืมว่าความปลอดภัยควรมาเป็นอันดับหนึ่ง

post

“ไตรกีฬา” กีฬาสุดท้าทายที่คนชอบว่ายปั่นวิ่งไม่ควรพลาด

หากใครที่เข้าสู่วงการวิ่งมาซักระยะหนึ่งแล้ว หรืออาจจะถึงจุดอิ่มตัวกับรายการแข่งขันวิ่งมาราธอนต่าง ๆ กันมาพอสมควร ไม่ว่าจะเป็น Fun Run / Micro Marathon Mini Maraton Half Maraton Full Maraton หรือ Ultra Maraton และอาจจะกำลังมองหากีฬาชนิดอื่น ๆ ที่จะสามารถเพิ่มความท้าทายและสร้างรสชาติชีวิตใหม่ ๆ ให้กับตนเองได้เพิ่มมากขึ้น กีฬาที่อยากจะแนะนำและคิดว่าตอบโจทย์ดังกล่าวที่ว่ามานี้ได้อย่างดีเยี่ยมคงจะหนีไม่พ้น “ไตรกีฬา”

ไตรกีฬาคืออะไร ทำไมใคร ๆ ก็อยากลอง

“ไตรกีฬา” เป็นประเภทกีฬาชนิดหนึ่งที่ต้องอาศัยความแข็งแกร่งของร่างกาย ความอึดถึกทนทานของทั้งพลังแรงกายและพลังแรงใจ เพราะเป็นกีฬาที่ผนวกเอา 3 ชนิดกีฬาเข้าไว้ด้วยกัน ประกอบด้วยกีฬาว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน และวิ่งมาราธอน โดยระยะทางของการแข่งขันนั้นประกอบไปด้วย 4 ระยะ ได้แก่

  • ระยะ Sprint (ว่ายน้ำ 750 เมตร ปั่นจักรยาน 20 กิโลเมตร และ มาราธอนระยะ 5 กิโลเมตร)
  • ระยะ Standard (ว่ายน้ำ 1.5 กิโลเมตร ปั่นจักรยาน 40 กิโลเมตร และ มาราธอนระยะ 10 กิโลเมตร)
  • ระยะ Half (ว่ายน้ำ 1.9 กิโลเมตร ปั่นจักรยาน 90 กิโลเมตร และ มาราธอนระยะ 21 กิโลเมตร)
  • ระยะ Full (ว่ายน้ำ 3.8 กิโลเมตร ปั่นจักรยาน 180 กิโลเมตร และ มาราธอนระยะ 42 กิโลเมตร)

ซึ่งบอกเลยว่าการฝึกซ้อมไตรกีฬานั้นการมีพื้นฐานเป็นนักวิ่งมาราธอนมาแล้วมีประโยชน์และได้เปรียบกว่าคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนอย่างแน่นอน เราไปดูกันดีกว่าว่าข้อควรรู้สำหรับการเตรียมตัวเพื่อลงแข่งไตรกีฬาแรกเขาทำกันอย่างไรบ้าง

เตรียมตัวลงแข่งไตรกีฬาแรกสำหรับมือใหม่ทำอย่างไรไปดู

  • สำรวจตัวเอง รู้เขาต้องอย่าลืมรู้เรา แน่นอนว่าการจะแข่งไตรกีฬาได้นั้น มือใหม่ต้องสำรวจตัวเองให้แน่ใจก่อนว่าตัวเองนั้นสามารถเล่นกีฬาได้ทั้ง 3 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นการว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน และวิ่งมาราธอน ซึ่งแน่นอนว่าแค่เล่นได้ก็คงไม่เพียงพอ แต่ควรทำได้ดีในระดับหนึ่ง และเมื่อทราบแล้วว่าตนเองยังทำได้ไม่ดีในด้านใดก็หมั่นฝึกซ้อมฝึกฝนเพื่อให้เกิดความชำนาญเพิ่มมากขึ้น
  • ตั้งเป้าหมาย การฝึกซ้อมหากทำเลื่อนลอยไร้ซึ่งการวัดผล การฝึกซ้อมนั้นก็อาจจะเปล่าประโยชน์ก็เป็นได้ ดังนั้นควรมีการตั้งเป้าหมายในการฝึกซ้อมทุกครั้งและพยายามเตรียมตัว และฝึกฝนพัฒนาเพื่อให้การฝึกซ้อมเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
  • วินัยเป็นเรื่องสำคัญ แน่นอนว่าหากเขียนเป้าหมายไว้เฉย ๆ แต่ไม่ลงมือทำก็ยากที่จะประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ ดังนั้นเป้าหมายมีไว้พุ่งชน จงลุกขึ้นมาฝึกซ้อมให้มีความสม่ำเสมอเพื่อเตรียมพร้อมร่างกายสำหรับการลงแข่งขันไตรกีฬาครั้งแรกกันเถอะ
  • อุปกรณ์ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง การแข่งไตรกีฬาอุปกรณ์หลัก ๆ ก็คือชุดกีฬา รองเท้า จักรยาน และอุปกรณ์ยังชีพต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกระบอกน้ำดื่ม อาหารเพิ่มพลังงานระหว่างการแข่งขัน นอกจากนี้ยังอาจจะมีอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ เช่น หมวก กระเป๋า เป็นต้น ควรเลือกที่ใช้งานได้ดี และทนทาน เหมาะกับผู้สวมใส่ เพราะคงไม่มีใครอยากมาเหนื่อยและหัวเสียกับอุปกรณ์ที่ไม่ดีระหว่างการแข่งขันอย่างแน่นอน

สุดท้ายนี้ไตรกีฬาไม่ใช่กีฬาง่าย ๆ ที่ใครจะเล่นก็ได้ แต่ก็ไม่ใช่กีฬาที่ยากเกินไป หากมีความตั้งใจจริง และมีการเตรียมพร้อมร่างกายมาแล้วเป็นอย่างดี ยังไงก็ขอเอาใจช่วยให้มือใหม่ไตรกีฬาทุกคนโชคดีและประสบความสำเร็จพิชิตไตรกีฬาครั้งแรกให้ได้สักครั้ง

post

5 วิธีจูงใจตัวเองให้อยากออกวิ่งในทุก ๆ วัน

การออกกำลังกายเป็นสิ่งดีดีที่ควรทำใคร ๆ ก็ทราบกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการออกกำลังกายด้วยการวิ่งนั้นสามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่รองเท้าวิ่งคู่เดียวก็สามารถช่วยให้เราท่านสามารถที่จะออกกำลังกายเพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงกันได้แล้ว แต่เรื่องแบบนี้สำหรับคนที่มีวินัยก็อาจจะดูเป็นเรื่องที่ทำได้อย่างง่ายดายกับการแค่หยิบรองเท้าแล้วออกวิ่ง แต่สำหรับคนส่วนใหญ่อาจจะไม่ง่ายอย่างที่คิด วันนี้เราจึงนำเอา 5 วิธีจูงใจตัวเองให้อยากออกวิ่งในทุก ๆ วันมาฝากกัน

1.จูงใจตัวเองด้วยรองเท้าวิ่งคู่ใหม่ รองเท้าวิ่งสวย ๆ ใส่สบายสักคู่ดูจะเป็นอะไรที่สามารถใช้เป็นตัวช่วยให้ทุกคนอยากออกวิ่งในทุกวันได้เป็นอย่างดี ยิ่งรองเท้านั้นมีนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ช่วย Support เท้าของผู้วิ่งด้วยแล้วยิ่งน่าสนใจไม่น้อย

2.วิ่งคนเดียวถ้ายากนักก็หาเพื่อนมาช่วยกันวิ่ง เป็นธรรมดาที่การทำอะไรก็ตามหากทำคนเดียวก็อาจจะรู้สึกเบื่อหน่ายกันได้ง่าย ๆ แต่หากมีเพื่อนมาร่วมทำด้วยกันก็คงจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจได้ไม่น้อยทีเดียว Hashtag การวิ่งก็เช่นกัน เพราะการได้ออกไปวิ่งกับใครซักคนไม่ว่าจะเป็นเพื่อน แฟน หรือคนในครอบครัวนอกจากจะได้สุขภาพร่างกายที่แข็งแรงแล้ว ยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์ที่ดีอีกวิธีหนึ่งด้วย

3.เป้าหมายมีไว้พุ่งชน แน่นอนว่าเป้าหมายสูงสุดของการออกไปวิ่งให้ได้ทุกวันก็คือการมีสุขภาพที่ดีและแข็งแรง แต่ก็เป็นธรรมดาอีกเช่นกันที่เป้าหมายระยะยาวเช่นนั้นจะไม่ค่อยดึงดูดใจคนที่ไม่ค่อยมีวินัยเท่าที่ควรนัก ดังนั้นการหาเป้าหมายระยะสั้นอย่างเช่นการเข้าแข่งขันรายการวิ่งซักหนึ่งรายการก็ดูจะเป็นวิธีจูงใจที่ดีอยู่ไม่น้อย ซึ่งก็มีนักวิ่งมืออาชีพหลายคนเช่นกันที่มีจุดเริ่มต้นมาจากแค่อยากลองวิ่งให้จบซักหนึ่งรายการ แต่พอได้ลิ้มลองรสชาติของความสำเร็จที่เส้นชัยและเหรียญรางวัลก็อดที่จะติดใจความรู้สึกนั้นจนพัฒนามาเป็นกิจวัตรประจำวันที่จะต้องซ้อมวิ่งในทุก ๆ วันไม่ได้

4.การวัดผลช่วยได้จริง อย่างที่ทุกคนทราบดีว่าในปัจจุบันจะมีแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่นักวิ่งสามารถใช้เพื่อเก็บสถิติการวิ่งต่าง ๆ ในแต่ละครั้งเอาไว้ได้ ข้อดีของแอปพลิเคชันเหล่านี้ก็คือทำให้เราสามารถเห็นถึงพัฒนาการในการวิ่งของตนเองได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นการเก็บบันทึกไว้เป็นไดอารี่การวิ่งส่วนตัวได้อีกด้วย

5.ใช้สังคมออนไลน์ให้เป็นประโยชน์ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ดังนั้นหากเราต้องการแรงขับเคลื่อนบางอย่างเช่นการออกวิ่งให้ได้ทุกวันนั้น บางครั้งการประกาศความตั้งใจลงโซเชียลมีเดีย หรือเล่นทายผลการแข่งขันกีฬาประเภทกรีฑากับ Fun88 ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยให้เราสามารถทำอย่างที่ตั้งใจได้ เพราะการมีสายตาสังคมจับจ้องจะทำให้เราอยากที่จะทำสิ่งที่ได้ประกาศไว้ให้สำเร็จเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 5 วิธีจูงใจตัวเองให้อยากออกกำลังกายด้วยการออกวิ่งในทุก ๆ วัน หวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์กับท่านผู้อ่านทั้งหลายไม่มากก็น้อย

post

รู้หรือไม่ ประโยชน์อะไรบ้างที่คุณจะได้จากการวิ่ง

วิ่งหรือไม่วิ่ง วิ่งหรือไม่วิ่งดี? คำถามที่ใครหลายคนอาจจะเถียงกับตัวเองอยู่ในใจอยู่ในทุกวัน ๆ ที่ต้องตัดสินใจว่าจะเอาชนะความขี้เกียจเพื่อออกไปวิ่งดี หรือว่าจะพ่ายแพ้ให้กับความขี้เกียจของตัวเองกันแน่ บทความนี้จะนำเอาประโยชน์ที่คุณจะได้จากการออกวิ่งมาฝากกัน เผื่อว่าครั้งหน้าหากคุณเกิดลังเลอีกว่าจะวิ่งหรือไม่วิ่งดี จะได้มีตัวช่วยไว้ฮึบ ๆ ให้สามารถออกวิ่งเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงของตัวเองได้ง่ายขึ้น ไปดูกันเลย..

1.สุขภาพที่แข็งแรงเริ่มต้นง่าย ๆ จากการวิ่ง หลายคนอาจจะยังนึกภาพไม่ออกว่าที่เขาว่ากันว่าวิ่งแล้วจะมีสุขภาพที่ดีและแข็งแรงนั้นมันเป็นอย่างไร ง่าย ๆ ก็คือการวิ่งอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 30 นาทีขึ้นไป จะช่วยให้การทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจดีและแข็งแรงมากขึ้น การทำงานของปอดดีขึ้น เป็นการออกกำลังกายที่ช่วยให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญไขมัน ช่วยลดปริมาณของคอเลสเตอรอลที่จะอุดตันในเส้นเลือดลงได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

2.เพิ่มความมั่นใจในตัวเองได้ง่าย ๆ ด้วยการวิ่ง สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องความไม่มั่นใจในตัวเอง กล่าวคือมี self-esteem ต่ำ อาจจะใช้การวิ่งช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในตัวเองได้ เพราะในทุกครั้งที่ออกวิ่งและสามารถบรรลุเป้าหมายระยะทางหรือเวลาที่ใช้ในการวิ่งได้ จะช่วยทำให้ความเชื่อมั่น และความมั่นใจในตัวเองค่อย ๆ เพิ่มขึ้น เพราะความรู้สึกเอาชนะใจตัวเอง และความสุขที่ได้จากการทำอะไรประสบความสำเร็จแม้จะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการวิ่งนี้เองที่จะช่วยให้ self-esteem ในตัวเรามีเพิ่มมากขึ้นได้นั่นเอง

3. ลดเครียดได้แค่ออกวิ่ง อย่างที่ทราบกันดีว่าหลังออกกำลังกายร่างกายจะหลั่งสารเคมีอย่าง Endorphins หรือที่รู้จักกันดีในชื่อสารแห่งความสุข ที่จะสามารถช่วยลดความตึงเครียดของร่างกายลงได้ ซึ่งอาการเครียดนั้นเป็นบ่อเกิดของโรคภัยไข้เจ็บมากมาย อีกทั้งความเครียดที่มีมากเกินไปก็อาจจะไปรบกวนการนอนของเราให้มีคุณภาพต่ำกว่าที่ควรจะเป็นทำให้ร่างกายไม่สามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่เพื่อฟื้นฟูซ่อมแซมร่างกายให้กลับมาแข็งแรงใช้งานได้ดีดังเดิมอีกด้วย

4. การวิ่งช่วยให้หุ่นดีได้ เชื่อหรือไม่ว่าการวิ่งเป็นออกกำลังกายที่นอกจากจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังเป็นการเผาผลาญพลังงานได้ดีอีกวิธีหนึ่งด้วย เมื่ออายุเพิ่มขึ้นหลายคนอาจจะประสบกับปัญหาที่ว่ารับประทานนิดเดียวก็อ้วนง่ายแล้ว เนื่องจากระบบเผาผลาญที่เคยทำงานได้ดีเริ่มเสื่อมลงนั่นเอง แต่การวิ่งจะช่วยให้ปัญหานี้ลดน้อยลงได้เป็นอย่างดี

เป็นอย่างไรกันบ้างกับประโยชน์ของการวิ่งที่นำมาฝากกัน หลายเรื่องก็อาจจะเป็นที่ทราบกันมาบ้างแล้วไม่มากก็น้อยสำหรับหลาย ๆ คน แต่สำหรับใครที่ยังไม่เคยทราบมาก่อนก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์และสามารถนำไปใช้เป็นแรงจูงใจในการวิ่งที่ดีได้ในครั้งต่อ ๆ ไป

post

3 รองเท้าวิ่งมาแรงแห่งปี 2020

ขึ้นชื่อว่ากีฬาวิ่ง สิ่งที่จะขาดไปเสียไม่ได้เลยก็คือรองเท้าวิ่ง เพราะรองเท้าวิ่งดีดีซักคู่จะช่วยให้ผู้สวมใส่มั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าจะสามารถวิ่งออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย และแม้ว่าปี 2020 จะเป็นปีของโรคติดต่อร้ายแรงที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ตื่นตัวต่อความสำคัญของการมีสุขภาพที่แข็งแรง และส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจที่ตกต่ำลงอย่างต่อเนื่องไปทั่วโลกอย่าง COVID-19 แต่บริษัทผู้ผลิตรองเท้าก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะคิดค้นและผลิตรองเท้าวิ่งที่ดีมีคุณภาพมาให้ลูกค้าได้เลือกซื้อหากันอย่างไม่ย่อท้อ เราไปดูกันดีกว่าว่า 3 รองเท้าวิ่งมาแรงแห่งปี 2020 ประกอบด้วยรองเท้าแบรนด์ใด รุ่นใดกันบ้าง

1. Adidas Ultraboost 20 รองเท้าวิ่งจากค่ายดังอย่าง Adidas มาพร้อมกับเทคโนโลยี Tailored Fiber Placement (TFP) ที่ช่วยให้การสวมใส่รองเท้ามีความกระชับมากยิ่งขึ้น เพิ่มความมีประสิทธิภาพในการช่วย Support เท้าด้วยเกราะอีลาสเตนที่เสริมมาให้ช่วงบริเวณส้นรองเท้าเพื่อช่วยให้สามารถรับแรงกดลดแรงกระแทกส่วนเท้าได้เป็นอย่างดี มาพร้อมดีไซน์สวยเท่แนวสปอร์ตด้วยผ้าถัก Primeknit และสิ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คงจะเป็นแผ่นสัญลักษณ์บนลิ้นของรองเท้าซึ่งเป็นของห้องปฏิบัติการแห่งชาติ ประจำสถานีอวกาศนานาชาติ ของประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงการร่วมมือในการใช้เทคโนโลยีขึ้นรูปรองเท้าอย่าง Boost ซึ่งศึกษาโดยนักวิทยาศาสตร์ที่เชี่ยวชาญ ทำให้ได้รองเท้าที่มีคุณสมบัติแตกต่างและไม่เหมือนแบรนด์อื่นอย่างแน่นอน

2. Nike Zoom Pegasus Turbo 2 รองเท้าวิ่งจากค่าย Nike ที่โดดเด่นไม่แพ้ใครด้วยเทคโนโลยี ZoomX ที่สามารถช่วยส่งคืนพลังงานจากการวิ่งกลับมาได้ หรือเรียกว่าเป็นนวัตกรรมที่ช่วยลดปริมาณพลังงานที่ใช้ มีน้ำหนักเบา ช่วยในเรื่องของการดูดซับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้พื้นรองเท้าบริเวณด้านนอกยังทำจากยางที่สามารถช่วยเรื่องการยึดเกาะได้ดีในทุกสภาพพื้นผิว และด้วยความที่อัปเปอร์ด้านบนใช้ผ้าตาข่ายยิ่งส่งผลให้รองเท้ามีน้ำหนักเบาเพิ่มมากยิ่งขึ้นไปอีก อีกทั้งทำให้อากาศสามารถถ่ายเทได้สะดวกอีกด้วย ด้วยคุณสมบัติทั้งหลายที่กล่าวมาทำให้รองเท้าคู่นี้เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งที่จะใช้ใส่ได้ทั้งเดินทั่ว ๆ ไปในแต่ละวัน หรือใส่วิ่งทั้งระยะใกล้ ระยะไกล

3. BrooksGhost 12 รองเท้าวิ่งจากค่าย Brooks ที่ราคาไม่แรงแต่การันตีคุณภาพคับแก้วแน่นอน โดย BrooksGhost 12 เป็นรองเท้าที่มีน้ำหนักเบา และนุ่มเหมาะแก่การสวมใส่เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากมีนวัตกรรมที่เรียกว่าแผ่นโฟม DNA LOFT ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการกันกระแทก และให้ความรู้สึกว่ามีสปริงอยู่ใต้เท้าทำให้ทุกย่างก้าวได้รับความรู้สึกว่าพื้นเท้าเด้งตอบสนองการเคลื่อนไหวได้ดี พื้นรองเท้าชั้นกลาง BioMoGo DNA ที่ถูกคิดค้นใส่เข้ามาเพื่อเอาไว้สำหรับช่วยรองรับการกระแทก อีกทั้งพื้นเท้าชั้นนอกยังมีความทนทานสามารถมั่นใจได้ว่าไม่ลื่นล้มง่ายอย่างแน่นอนเนื่องจากมีพื้นรองเท้าที่ช่วยยึดเกาะติดพื้นได้ดีในทุกสภาพผิว นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี 3D Fit Print ที่การันตีได้ว่าการใส่รองเท้าวิ่งคู่นี้จะให้ความรู้สึกกระชับแต่ก็มีความยืดหยุ่นได้ในเวลาเดียวกัน

เรียกได้ว่าถึงแม้จะมีอุปสรรคอะไรก็ตาม แต่บริษัทผู้พัฒนารองเท้าวิ่งหลากหลายค่ายก็ไม่เคยคิดหยุดนิ่งเพื่อให้คู่แข่งแซงหน้าไปได้ ยังคงมุ่งพัฒนารองเท้าวิ่งดีดีมาให้ผู้ที่ชื่นชอบการวิ่งเลือกสวมใส่กันตามต้องการ และถ้าหากตอนนี้ใครยังไม่มีรองเท้าวิ่งเป็นของตัวเอง นี่อาจจะเป็นโอกาสในวิกฤตที่จะเริ่มต้นหันกลับมาดูแลสุขภาพด้วยการออกกำลังกายด้วยการวิ่งกันอีกสักครั้ง

post

คุณรู้จักนวัตกรรมและเทคโนโลยีในรองเท้าวิ่งเหล่านี้หรือไม่

ปัจจุบันโลกการค้ามีการแข่งขันกันระหว่างผู้ผลิตเพื่อชิงความเป็นหนึ่งในใจของลูกค้ากันค่อนข้างสูง และสิ่งที่จะทำให้ผู้ผลิตแต่ละเจ้าสามารถเอาชนะใจลูกค้าได้ ก็คือการคิดค้นนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้สินค้าที่ตนผลิตนั้นมีคุณภาพและเป็นที่ต้องการในตลาดมากกว่าสินค้าของคู่แข่ง ดังคำกล่าวที่สตีฟ จอบส์ เคยพูดเอาไว้เมื่อครั้งที่เขายังมีชีวิตอยู่ว่าสิ่งที่จะทำให้สามารถแยกระหว่างผู้นำกับผู้ตามในโลกของธุรกิจได้ก็คือนวัตกรรมนั่นเอง

ซึ่งธุรกิจการผลิตรองเท้าวิ่งก็หนีไม่พ้นกลไกการตลาดนี้ และสำหรับเหล่านักวิ่งทั้งหลายที่จะยังไงเสียก็จำเป็นจะต้องซื้อรองเท้าวิ่งไว้ติดบ้านกันอยู่แล้ว คงจะดีไม่น้อยหากเรามีความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ถูกคิดค้นและใส่เข้ามาในรองเท้าวิ่งแต่ละแบรนด์ เพื่อที่เราจะได้มีความรู้ลึกรู้จริงเกี่ยวกับคุณสมบัติของรองเท้าแต่ละรุ่น เพื่อให้สามารถเลือกซื้อรองเท้าวิ่งที่เหมาะสมกับความต้องการของตัวเองได้อย่างแท้จริง

นวัตกรรม เน็กซ์ เปอร์เซ็นต์ (NEXT% System)

หนึ่งในนวัตกรรมรองเท้าวิ่งของ Nike ที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลายว่าสามารถช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถที่จะวิ่งได้เร็วขึ้น โดยนวัตกรรมนี้ประกอบไปด้วย 3 ส่วนประกอบที่สำคัญซึ่งทำงานประสานกันส่งผลให้รองเท้าวิ่งที่ใช้นวัตกรรมนี้มีประสิทธิภาพสูง ได้แก่

  • แผ่นคาร์บอนไฟเบอร์บริเวณพื้นรองเท้าที่จะช่วยให้ความรู้สึกราบลื่นขณะเคลื่อนไหวเท้า อีกทั้งทำให้เกิดความสมดุลขณะออกวิ่งช่วยให้สามารถพุ่งทะยานออกไปได้อย่างรวดเร็วและมีความมั่นใจ
  • โครงสร้างโฟมซูมเอ็กซ์ ที่สามารถช่วยลดการสูญเสียพลังงานจากการวิ่งได้เป็นอย่างดี เพราะมีการส่งคืนพลังงานกลับคือให้แก่ผู้สวมใส่นั่นเอง นอกจากนี้ยังช่วยให้รองเท้ามีน้ำหนักเบาง่ายต่อการสวมใส่มากยิ่งขึ้น
  • โครงสร้างไนกี้ซูมแอร์ เทคโนโลยีรองรับแรงที่เกิดจากการกระแทก ทำให้ช่วยไปเพิ่มในส่วนของการส่งคืนพลังงานกลับคืนไปยังผู้สวมใส่

นวัตกรรมบูสต์ (BOOST)

นวัตกรรมรองเท้าวิ่งของ Adidas ที่ต้องบอกเลยว่าเป็นนวัตกรรมที่สำคัญซึ่งช่วยให้รองเท้าวิ่งในแต่ละรุ่นของ Adidas มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร และเป็นนวัตกรรมแรก ๆ ที่ปฏิวัติวงการผลิตรองเท้าวิ่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โดยนวัตกรรมบูสต์ คือ การพัฒนานวัตกรรมแคปซูลพลังงานบริเวณพื้นรองเท้าส่วนกลาง ที่มีความสามารถในการช่วยคืนพลังงานที่เก็บไว้ให้แก่ผู้สวมใส่ เป็นการช่วยลดการสูญเสียพลังงาน ว่ากันว่านวัตกรรมนี้ทำให้เกิดความยืดหยุ่นสูง และสามารถเก็บและคืนพลังงานกลับให้แก่ผู้ที่สวมใส่ได้มากถึง 85%  ทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกถึงความนุ่มสบายของรองเท้า และเมื่อใช้ร่วมกับเทคโนโลยี Tailored Fiber Placement (TFP) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการตัดเย็บและจัดวางโครงสร้างเส้นใยรองเท้าที่มีความถูกต้องแม่นยำในระดับมิลลิเมตรด้วยวัสดุไพรม์นิตด้วยแล้ว ยิ่งช่วยให้รองเท้ามีประสิทธิภาพสูงและมีน้ำหนักค่อนข้างเบา ง่ายต่อการสวมใส่เป็นอย่างยิ่ง ได้ความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างผู้วิ่งกับรองเท้าอย่างดีเยี่ยม

เป็นอย่างไรกันบ้างกับความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับนวัตกรรมที่ได้นำมาฝากคุณผู้อ่านทุกท่านกัน จะเห็นได้ว่าอย่างไรเสียนวัตกรรมก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้สินค้ามีคุณภาพและมีประสิทธิภาพได้ดีเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นการทำความรู้จักกับนวัตกรรมเหล่านี้เอาไว้ก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีและจำเป็นสำหรับนักวิ่งมือใหม่มือเก่าอยู่ไม่น้อย

post

มาราธอนดีอย่างไรในความคิดของนิ้วกลม

หากเอ่ยชื่อเสียงเรียงนามของ เอ๋ สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ ใครหลายคนอาจจะยังนึกไม่ออกว่าเขาคนนี้เป็นใคร แต่หากเอ่ยนามปากกาของเขาที่มีชื่อว่า “ นิ้วกลม” เชื่อแน่ว่านักอ่านตัวยงทั้งหลายจะต้องรู้จักเป็นอย่างดี หรือกระทั่งคนที่ชอบวิ่งและอยู่ในวงการวิ่งประเภทมาราธอนก็อาจจะรู้จักดีเช่นเดียวกันก็เป็นได้ เพราะนอกจากนิ้วกลมจะเป็นนักเขียนชื่อดังขวัญใจวัยรุ่นแล้ว เขายังเป็นไอดอลในเรื่องของการวิ่งมาราธอนอีกด้วย โดยนิ้วกลมเกิดเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2521 เป็นบุตรคนเล็กจากบรรดาพี่น้องสามคนในครอบครัวของเขา

นิ้วกลมเป็นนามปากกาที่เขาได้มาอย่างบังเอิญเมื่อครั้งเป็นนิสิตคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยหลังจากที่เรียนจบไม่นาน นิ้วกลมก็โลดแล่นอยู่ในสาขาอาชีพต่าง ๆ มากมาย อาทิ งานครีเอทีฟโฆษณา งานผู้กำกับโฆษณา งานนักเขียน งานพิธีกร โดยผลงานแรก ๆ ที่สร้างชื่อให้เขาเป็นที่รู้จักในวงกว้างในวงการนักเขียนก็คือ “โตเกียวไม่มีขา” และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของนักเขียนหนุ่มที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลาย ๆ คนในเวลาต่อมา

ว่ากันด้วยเรื่องหนังสือ Homo Finishers : สายพันธุ์เข้าเส้นชัย

อย่างที่เกริ่นกันไปแล้วในตอนต้นว่านิ้วกลมนั้นหลงใหลการวิ่งมาราธอนเป็นชีวิตจิตใจ แต่ใครจะรู้ว่าก่อนที่เขาจะหันมาสนใจกีฬาวิ่งประเภทนี้นั้น นิ้วกลมเป็นคนที่ไม่เคยแม้แต่จะชอบการวิ่งมาก่อน แล้วอะไรที่ทำให้เขาหันมาชื่นชอบการวิ่งมาราธอนจนถึงขั้นเขียนหนังสือที่มีความยาวถึง 456 หน้า โดยใช้ชื่อว่า “Homo Finishers : สายพันธุ์เข้าเส้นชัย” ได้นั้น คงเป็นสิ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย แต่ที่น่าสนใจมากกว่าคือเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ต่างหาก

Homo Finishers : สายพันธุ์เข้าเส้นชัย เป็นหนังสือที่ว่าด้วยการเล่าเรื่องราวของขั้นตอนกระบวนการตั้งแต่การหัดวิ่งเพื่อไปมาราธอน ตลอดจนกระทั่งวิ่งเข้าเส้นชัย ความรู้สึกระหว่างทางทั้งก่อนและหลังเข้าเส้นชัย สิ่งที่ได้จากการวิ่งมาราธอนคืออะไร ซึ่งมากกว่าแนวทางในการฝึกซ้อม คือข้อคิดที่ได้จากตัวอักษรของนิ้วกลม ที่ไม่เพียงใช้ได้กับการซ้อมวิ่งเพื่อไปมาราธอนเท่านั้น แต่ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการดำเนินชีวิตได้อีกด้วย

โดยนิ้วกลมกล่าวว่ามาราธอนช่วยทำให้คุณสมบัติหรือนิสัยที่เราทุกคนรู้ว่าดีนั้นเกิดขึ้นได้จริงกับตัวเราผ่านการปฏิบัติ ผ่านการลงมือทำในทุก ๆ วัน ซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยการซ้อมวิ่ง เป้าหมายต่าง ๆ ที่ถูกตั้งขึ้นในแต่ละวันของการฝึกซ้อม ความมีวินัย ความอดทน การกัดไม่ปล่อย ล้วนเป็นคุณสมบัติที่ดีที่ได้จากการซ้อมวิ่งมาราธอน ซึ่งในทางทฤษฎีเราทุกคนรู้ดีว่าคุณสมบัติเหล่านี้ก็สำคัญสำหรับการประสบความสำเร็จในชีวิตในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเช่นเดียวกัน

เขากล่าวว่า “ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรยากแค่ไหน ก็แค่เดินหน้าไปเรื่อย ๆ” เฉกเช่นเดียวกันกับการวิ่งมาราธอนที่ต่อให้จะเหนื่อยแค่ไหน แต่หากเราไม่หยุดเดิน ไม่นานเราก็จะถึงเส้นชัยในไม่ช้า

สำหรับใครก็ตามที่กำลังหาแรงบันดาลใจในการที่จะจบมาราธอนของตัวเองให้ได้ซักครั้งในชีวิต เชื่อแน่ว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นแนวทางที่ดีให้กับท่านได้ แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าทฤษฎีจะว่าอย่างไร ไม่ว่าประสบการณ์ของคนอื่นจะน่าตื่นเต้นเพียงใด แต่นั่นก็คงไม่มากไปกว่าประสบการณ์ตรงของตัวเราเอง ไม่แน่ว่าหากจบมาราธอนได้สักหนึ่งครั้ง ชีวิตคุณอาจจะเปลี่ยนไปตลอดกาลเลยก็ได้ใครจะรู้

post

รู้จักกับ “บอสตัน มาราธอน” รายการวิ่งที่ต้องถูกยกเลิกในรอบ 124 ปี เพราะผลกระทบจากโควิด-19

เชื่อเหลือเกินว่าปี ค.ศ.2020 จะเป็นอีกหนึ่งปีที่ประวัติศาสตร์จะจารึกไว้อย่างไม่ลืมเลือนว่าเป็นปีที่มนุษยชาติได้ถูกทดสอบอีกครั้งจากธรรมชาติ ด้วยการก่อกำเนิดขึ้นของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) จากประเทศจีน ซึ่งสามารถติดต่อผ่านกันได้จากคนสู่คน ก่อให้เกิดการระบาดของโรคติดต่อลุกลามใหญ่โตไปทั่วโลก ส่งผลให้ต้องมีการปิดประเทศ ปิดการเดินทางเข้าออกระหว่างแต่ละประเทศทั่วโลก และส่งให้ผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกหยุดชะงัก เนื่องจากปัจจุบันในเดือนกรกฎาคม ค.ศ.2020 ยังไม่มีประเทศใดออกมายืนยันว่าสามารถคิดค้นวัคซีนหรือยาที่ใช้รักษาโรคนี้ได้ ทำให้ปรากฏการณ์ใหม่ที่เรียกว่า New Normal ที่ต้องเว้นระยะห่างทางสังคม ต้องใส่ Mask ต้องล้างมือให้สะอาดอาจจะยังคงต้องดำเนินต่อไปอีกเป็นระยะเวลาหนึ่ง

เรียกได้ว่าวิกฤตการณ์นี้ส่งผลกระทบไปทั่วโลกในทุก ๆ วงการ ไม่เว้นแม้แต่วงการกีฬา อย่างการจัดงาน บอสตัน มาราธอน (Boston Marathon) หนึ่งในงานมาราธอนที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และเป็น 1 ใน 6 งานวิ่งมาราธอนที่คนชอบวิ่งอยากไปเข้าร่วมด้วยมากที่สุด ซึ่งอีก 5 เมืองที่ใช้ในการจัดงานวิ่งมาราธอนดังกล่าว ประกอบด้วย โตเกียว (เดือนกุมภาพันธ์) นิวยอร์ค (พฤศจิกายน) ชิคาโก (ตุลาคม) เบอร์ลิน (กันยายน) และลอนดอน (เมษายน)

ทำความรู้จักกับบอสตัน มาราธอน

รายการแข่งขันวิ่งมาราธอนชื่อดังอย่าง บอสตัน มาราธอน จะถูกจัดขึ้นทุกปีในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งปกติแล้วจะจัดขึ้นทุกวันจันทร์ที่ 3 ของเดือนเมษายน ซึ่งตรงกับวัน Patriots (วันผู้รักชาติ) รายการนี้เป็นรายการวิ่งมาราธอนที่ถือได้ว่าเก่าแก่และดีที่สุดงานหนึ่งของโลก โดยงานวิ่งมาราธอนนี้ถูกจัดขึ้นครั้งแรกในปี 1897 เส้นทางการวิ่งคือเส้นทางพื้นราบสลับเนินเขาตั้งแต่แถบตะวันออกของรัฐแมสซาชูเซตทอดยาวไปจนถึงเมืองบอสตันเป็นระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร

ซึ่งนักวิ่งที่จะสามารถเข้าร่วมรายการแข่งขันนี้ได้จะต้องลงแข่งขันรายการอื่นที่ได้รับการรับรองและผ่านการคัดเลือกมาก่อน โดยทำเวลาได้เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้แล้วเท่านั้น เงินรางวัลสำหรับผู้ชนะไม่ว่าจะเป็นประเภทชายหรือหญิงจะอยู่ที่ประมาณ 150,000 เหรียญสหรัฐ โดยในแต่ละปีจะมีผู้เข้าร่วมแข่งขันกว่า 27,000 คน

แน่นอนว่าในสถานการณ์ที่โควิด-19 กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่รายการแข่งขันนี้จะถูกจัดขึ้น ดังนั้นผู้จัดงานจึงได้ประกาศยกเลิกการจัดการแข่งขันวิ่ง บอสตัน มาราธอน แม้ว่าจะเคยมีความพยายามในการจัดงานโดยการเลื่อนการแข่งขันออกไปเป็นวันที่ 14 กันยายนแล้วก็ตาม แต่การแพร่ระบาดก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด นี่จึงถือเป็นครั้งแรกในรอบ 124 ปี ที่รายการแข่งขันวิ่งมาราธอนระดับตำนานนี้ไม่ถูกจัดขึ้น

อย่างไรก็ตามเชื่อเหลือเกินว่าในอนาคตหากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หยุดลง หรือมีนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์จากประเทศใดประเทศหนึ่งทั่วโลกสามารถคิดค้นยารักษา หรือวัคซีนสำหรับใช้จัดการกับเจ้าไวรัสชนิดนี้ลงได้ เมื่อนั้นก็คงไม่สายที่จะกลับมาจัดการแข่งขันกีฬาวิ่งมาราธอนรายการดีดีนี้อีกครั้ง เพราะจะอย่างไรเสียมนุษยชาติก็คงจะยังไม่หยุดวิ่งเป็นแน่แท้

post

ฟังก์ชันนาฬิกาสำหรับนักกีฬาวิ่งสุดเจ๋งที่กำลังเป็นที่นิยม

ปัจจุบันอุปกรณ์ที่กำลังได้รับความนิยมนอกเหนือไปจากอุปกรณ์พื้นฐานในแต่ละชนิดกีฬาโดยทั่วไปแล้ว ก็คือนาฬิกาออกกำลังกายนั่นเอง ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ทำให้นาฬิกาออกกำลังกายที่ผลิตมาในท้องตลาดรุ่นใหม่ ๆ นั้นมีฟังก์ชันการใช้งานที่น่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสำหรับนักกีฬาวิ่งที่ต้องอาศัยสมาธิในการออกกำลังกาย อาศัยความมีวินัย พลังกายพลังใจในการที่จะออกวิ่งในแต่ละย่างก้าวด้วยแล้ว คงจะดีไม่น้อยหากจะมีนาฬิกาออกกำลังกายที่มีฟังก์ชันการใช้งานเจ๋ง ๆ ติดข้อมือไว้เป็นเพื่อนแก้เหงาระหว่างทาง และมีไว้คอยเก็บสถิติการวิ่งต่าง ๆ เพื่อใช้ในการประเมินศักยภาพตนเอง และใช้เพื่อการพัฒนาความสามารถทางด้านการวิ่งในอนาคต

ฟังก์ชันสำคัญของนาฬิกาออกกำลังกายมีอะไรบ้างไปดู

นอกจากรูปลักษณ์ที่ต้องดูทันสมัย กระชับกับข้อมือเวลาใส่ขณะออกกำลังกายแล้ว ฟังก์ชันที่จำเป็นที่ควรมี และควรดูเมื่อต้องเลือกซื้อนาฬิกาออกกำลังกายซักเรือน ได้แก่

1.ฟังก์ชันการอัพเดต Software ในตัวนาฬิกา เพราะคงไม่ดีแน่หากนาฬิกาออกกำลังกายที่ซื้อมาจะไม่สามารถอัพเดต Software ที่ทันสมัยเหมือนคนอื่น ๆ ได้ เพราะตัว Software ถือเป็นหัวใจสำคัญของนาฬิกาออกกำลังกายประเภท Smartwatch เลยก็ว่าได้

2.ฟังก์ชันระบบพิกัดระบุตำแหน่ง เพื่อเอาไว้ติดตามเส้นทางที่ใช้ในการวิ่ง ไม่ว่าจะเป็น GPS, GLONASS, Galileo หรือ QZSS

3.ฟังก์ชันออกกำลังกาย แน่นอนว่าขึ้นชื่อว่านาฬิกาออกกำลังกาย หากขาดฟังก์ชันนี้ไปก็คงไม่เรียกว่าเป็นนาฬิกาออกกำลังกาย แต่ส่วนว่าแบรนด์ไหนรุ่นใดจะให้มาครบประเภทชนิดกีฬาเท่าไร ก็ขึ้นอยู่กับเป้าหมายการผลิตในแต่ละรุ่น แต่หลัก ๆ แล้วฟังก์ชันการออกกำลังกายก็ควรจะประกอบไปด้วยการจับเวลา อัตราการเผาผลาญไขมัน เป็นต้น

4.ฟังก์ชันการวัดอัตราการเต้นชีพจร ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วนาฬิกาออกกำลังกายเจ๋ง ๆ ควรมี เพราะเป็นฟังก์ชันพื้นฐานที่คนรักสุขภาพชื่นชอบ โดยการวัด Heart-Rate ปกติในคนทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 60 – 100 ครั้งต่อวินาที ซึ่งฟังก์ชันนี้จะมีประโยชน์เป็นอย่างยิ่งในกลุ่มที่มีอาการเกี่ยวกับการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ

5.ฟังก์ชันการตรวจจับการนอนหลับ หรือที่เรียกกันว่า Sleep Tracking ซึ่งฟังก์ชันนี้ดูเผิน ๆ อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับการออกกำลังกาย แต่อย่างไรเสียก็เป็นฟังก์ชันที่จะเป็นสำหรับใช้ในการประเมินสุขภาพเบื้องต้น เพราะแน่นอนว่าการนอนหลับพักผ่อนที่มีคุณภาพและดีเพียงพอก็ย่อมที่จะทำให้ร่างกายได้เกิดการฟื้นฟูซ่อมแซมส่วนที่ถูกใช้งานไปให้กลับมามีประสิทธิภาพดังเดิม

6.ฟังก์ชันการรับส่งข้อความจากแอปพลิเคชันในมือถือต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Line Facebook Instagram หรือข้อความมือถือปกติ ซึ่งฟังก์ชันนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งหากมีธุระเร่งด่วนจำเป็น ยิ่งหากใช้รับโทรศัพท์ก็จะยิ่งเยี่ยมยอด

7.ฟังก์ชันการฟังเพลง คงจะดีไม่น้อยหาขณะที่วิ่งไป เราสามารถฟังเพลงจากนาฬิกาออกกำลังกายที่ข้อมือเราไปด้วยได้ เพราะจะทำให้การวิ่งของเราไม่น่าเบื่ออีกต่อไป

อย่างไรก็ตามเมื่อเลือกซื้อหานาฬิกาออกกำลังกายที่มีฟังก์ชันการใช้งานถูกใจครบถ้วนกันแล้ว ก็อย่าลืมที่จะพาตัวเองไปออกกำลังกายกันด้วย เพราะแค่ลำพังฟังก์ชันที่มีคงไม่สามารถช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงได้อย่างแน่นอนหากปราศจากการลงมือปฏิบัติ