post

เชื่อเหลือเกินว่าคอกีฬาที่ชอบเชียร์กีฬาวิ่งอย่างมาราธอน จะต้องเคยติดตามรายการแข่งขันวิ่งระดับโลกอย่างการแข่งขันมาราธอนในงานแข่งขันกีฬาโอลิมปิกมาแล้วไม่มากก็น้อย และหากเป็นคนที่ติดตามรายการแข่งขันนี้มาแล้วเป็นอย่างดีจริง ๆ จะต้องรู้จักกับนักวิ่งชาวเคนยาที่มีชื่อว่า “เอลิอุด คิปโชเก้” กันอย่างแน่นอน ซึ่งชายผู้นี้จะเป็นใครไปไม่ได้ เพราะเขาคือผู้ชนะจากการแข่งขันวิ่งมาราธอนในงานโอลิมปิกเกมส์ที่ถูกจัดขึ้นที่ประเทศบราซิล ในนครรีโอเดจาเนโร เมื่อปี ค.ศ.2016 นอกจากนี้เขายังเป็นเจ้าของสถิติการวิ่งมาราธอนที่ดีที่สุดในโลกด้วยระยะเวลาที่เขาใช้วิ่งในระยะทาง 42.195 กิโลเมตร เพียง 1 ชั่วโมง 59 นาที 40.2 วินาที ทันทีที่เขาก้าวเข้าสู่เส้นชัยในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ค.ศ.2019  ซึ่งเป็นสถิติใหม่ที่ลบความเชื่อของชาวโลกที่ว่าคนทั่วไปจะสามารถจบระยะมาราธอนได้โดยใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมงเท่านั้น ดังนั้นวันนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับชายคนนี้กันให้มากขึ้น

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ “เอลิอุด คิปโชเก้”

เอลิอุด คิปโชเก้ เกิดเมื่อปี ค.ศ.1985 ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของประเทศเคนยา เขาเติบโตมาโดยการเลี้ยงดูของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวพร้อม ๆ กับพี่สาว 2 คนและพี่ชายอีก 2 คน ของเขา เนื่องจากพ่อของเขาเสียชีวิตไปตั้งแต่ที่เขายังเป็นเด็ก ในวัยเด็กคิปโชเก้ ต้องวิ่งจากบ้านไปกลับโรงเรียนเป็นระยะทาง 5 – 6 กิโลเมตร ทุกวัน โดยคำพูดหนึ่งของเขาที่อาจจุดประกายให้ใครหลาย ๆ คนเห็นถึงคุณค่าความสำคัญของเวลา ก็คือ “เวลามีจำกัด ดังนั้นถ้าคุณไม่วิ่ง เวลาก็มีไม่พอ” เขาเคยแม้กระทั่งรับจ้างวิ่งส่งนมจากชาวบ้านเพื่อไปขายในเมืองที่ห่างออกไปกว่า 20 กิโลเมตร และด้วยกิจวัตรแบบนั้นของเขา ทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นโดยอัตโนมัติ

คิปโชเก้เป็นคนที่มักจะมีเป้าหมายให้กับตัวเองอยู่เสมอ ดังนั้นทันทีที่เขาเก็บเงินได้มากพอที่จะซื้อรองเท้าสำหรับฝึกวิ่ง เขาก็ไม่ลังเลที่จะทำ เขาฝึกทุก ๆ อย่างเกี่ยวกับการวิ่งด้วยตนเองทั้งหมดโดยปราศจากคำแนะนำจากโค้ชมืออาชีพใด  ๆ และแน่นอนว่าด้วยข้อจำกัดในเรื่องของพื้นฐานการฝึกซ้อมที่อาจมีไม่มากเพียงพอ ทำให้ผลการแข่งขันวิ่งระดับประเทศครั้งแรกของเขาไม่เป็นไปอย่างที่เขาหวัง แต่เขาก็ไม่ย่อท้อ คิปโชเก้ตระหนักดีว่าเขาต้องแก้ที่วิธีฝึกซ้อมของเขาให้ถูกต้องตามหลักการพื้นฐานมากยิ่งขึ้น

และเมื่อเขาฝึกซ้อมได้จริงตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ ความสำเร็จครั้งแรกของเขาก็เกิดขึ้น คือเขาสามารถเอาชนะคู่แข่งทั้งหมดได้อย่างขาดลอยในงานแข่งขันวิ่งระยะ 10 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 21 กันยายน ค.ศ.2001 และในการแข่งขันครั้งนี้เองที่ได้เปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล เพราะคิปโชเก้ได้มีโอกาสรู้จักกับชายผู้เป็นเสมือนแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ของเขา และชายผู้นั้น ก็คือ “แพทริก แซง” ชายผู้เป็นหนึ่งในตำนานนักวิ่งคนหนึ่งของประเทศเคนยา โดยแซงได้สอนทุกอย่างที่จะช่วยทำให้คิปโชเก้แสดงความสามารถของเขาออกมาได้มากที่สุด และคิปโชเก้ก็ไม่ทำให้แซงผิดหวัง เพราะพรสวรรค์ของเขาเปรียบเสมือนดังเพชรที่รอการเจียรไนให้ส่องประกายสว่างให้คนทั่วโลกได้เห็นนั่นเอง

สุดท้ายแล้วที่สุดของความสำเร็จของคิปโชเก้ ก็คือ การที่เขาได้ก้าวขึ้นมาเป็นนักวิ่งคนแรกของโลกที่สามารถจบระยะฟูลมาราธอนได้ในระยะเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมงนั่นเอง นับเป็นสถิติที่ดีที่สุดทั้งของตัวเขาเองและของโลกใบนี้เลยทีเดียว และเชื่อเหลือเกินว่าหากใครมีโอกาสได้ศึกษาประวัติชีวิตของคิปโชเก้อย่างละเอียดมากขึ้น จะต้องได้รับแง่คิดดีดี และแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตจากชายผู้นี้เพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน