post

2 แอปพลิเคชันสำหรับนักวิ่งสุดเจ๋ง ที่มีให้โหลดทั้ง iOS และ Android

กีฬาวิ่งกำลังเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากผู้คนสมัยนี้หันมาให้ความสนใจ และใส่ใจกับการดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองกันเพิ่มมากขึ้น ไม่เพียงแค่เรื่องการเลือกกินอาหารที่สะอาดปลอดภัย ถูกสุขลักษณะที่ดี หรือการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเท่านั้น แต่การออกกำลังกายก็ถือเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นต่อการมีสุขภาพที่ดีไม่แพ้กัน และกีฬาประเภทการวิ่งก็ตอบโจทย์ในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะกีฬาวิ่งสามารถทำได้เลยทันที เพียงแค่มีรองเท้าวิ่งเท่านั้น และยังเป็นกีฬาที่สามารถทำได้ตามลำพังเพียงคนเดียวอีกด้วย

ดังนั้นเพื่อให้เพื่อน ๆ ที่รักการวิ่ง สามารถวิ่งได้อย่างมีอรรถรสมากขึ้น วิ่งได้แบบไม่น่าเบื่อ เราจึงมีแอปพลิเคชันดี ๆ ที่เอาไว้คอยเก็บสถิติการวิ่งส่วนตัวเอาไว้ เพื่อคอยติดตามความก้าวหน้าในการวิ่งได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนมาแนะนำให้ใช้งานกัน ซึ่งต้องบอกเลยว่าแอปพลิเคชันที่คัดสรรมาให้เพื่อน ๆ ได้ลองโหลดมาใช้งานกันดูนี้ สามารถใช้งานได้บนสมาร์ทโฟนทั้งในระบบ iOS และระบบ Android และที่สำคัญยังเป็นแอปฯ ที่สามารถใช้งานได้ฟรีอีกด้วย ว่าแล้วก็ไปดูกันเลยดีกว่าว่า 2 แอปพลิเคชันที่นำมาแนะนำกันนั้นมีอะไรกันบ้าง

1.Runkeeper เป็นแอปพลิเคชันที่เรียกได้ว่าใช้งานง่าย และสะดวกมาก ๆ อีกทั้งยังมีฟังก์ชันการใช้งานสำหรับคนที่ชอบออกกำลังกายให้เลือกใช้งานตามความต้องการกันอย่างหลากหลาย เพราะไม่เพียงกิจกรรมสำหรับนักวิ่งเท่านั้น แต่กีฬาประเภทอื่น ๆ ก็สามารถเก็บสถิติได้เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการปั่นจักรยาน การเล่นโยคะ การว่ายน้ำ หรือกระทั่งการเดิน เป็นต้น โดยแอปพลิเคชันนี้ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจะลดน้ำหนักอย่างจริงจังด้วยการออกกำลังกายอีกด้วย เนื่องจากนอกจากสถิติระยะทาง ความเร็ว และเวลาที่สามารถบันทึกไว้ได้แล้ว ตัวแอปพลิเคชันยังสามารถแสดงค่าแคลอรี่ที่ใช้ไปในการออกกำลังกายแต่ละครั้งได้อีกด้วย รับรองว่าความแม่นยำในการวิเคราะห์ค่าแคลอรี่ของเจ้าแอปฯ นี้ จะสามารถช่วยให้คุณคำนวณพลังงานที่ต้องกินเข้าไปให้พอดีกับที่ร่างกายต้องการได้อย่างดีเยี่ยมแน่นอน

2.Nike+ Run Club แอปพลิเคชันที่เกี่ยวกับการวิ่งนี้ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักวิ่งที่ต้องการมีสังคมผู้ที่ชื่นชอบกีฬาวิ่งเหมือน ๆ กัน เพื่อเอาไว้คอยแชร์สถิติการวิ่งต่าง ๆ ที่ทำได้เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้แก่กันและกัน แอปฯ นี้ จะมีการแสดงผลรายละเอียดต่าง ๆ ที่สำคัญเกี่ยวกับการวิ่งในแต่ละครั้งให้ผู้ใช้งานได้รับทราบ และติดตามความคืบหน้าของการวิ่งของตนเองในแต่ละครั้งตั้งแต่อดีตจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ข้อมูลดังกล่าวยกตัวอย่างเช่น ระยะทาง ความเร็ว เวลาที่ใช้ในการวิ่งแต่ละนาทีต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร หรือที่นักวิ่งส่วนใหญ่จะรู้จักกันดีว่า “pace ของการวิ่ง” เป็นต้น เรียกได้ว่าแค่มีแอปฯ นี้ แอปฯ เดียว ก็หมดปัญหาการเก็บสถิติการวิ่งในแต่ละวันของคุณไปได้เลย

เป็นอย่างไรกันบ้างกับแอปพลิเคชันที่เรานำมาเสนอให้เพื่อน ๆ ได้ลองมีตัวเลือกเพิ่มขึ้นในการนำไปใช้งานเก็บสถิติการวิ่งของเพื่อน ๆ อย่างไรก็ตามหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเพื่อน ๆ จะชอบแอปฯ ที่เราแนะนำ และมีความสุขมาก ๆ กับการออกกำลังกายโดยการวิ่งเพื่อให้มีสุขภาพที่ดีกันต่อไป

post

รู้หรือไม่ “มาราธอน” มีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร

กระแสการออกกำลังกายด้วยการวิ่งกำลังมาแรงมากในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ได้มีการจัดกิจกรรมวิ่งการกุศลจากพื้นที่จังหวัดยะลาดินแดนใต้สุดของประเทศไทย ไปจนถึงจังหวัดในพื้นที่เหนือสุดแดนสยามอย่างเชียงราย โดยรวมระยะทางวิ่งทั้งหมดประมาณกว่า 2,191 กิโลเมตร ในโครงการที่มีชื่อว่า “ก้าวคนละก้าว เพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ” เพื่อหาเงินบริจาคให้แก่โรงพยาบาลทั่วประเทศนั่นเอง ซึ่งแกนนำหลักที่เป็นตัวตั้งตัวตีทำให้โครงการนี้เกิดขึ้นมา ก็คือ “นายอาทิวราห์ คงมาลัย” หรือ “ตูน บอดี้แสลม” นักร้องเพลงร็อคชื่อดังระดับแถวหน้าของประเทศไทย และจากกระแสของโครงการนี้นี่เองที่ทำให้การวิ่งมาราธอนได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น แต่เพื่อน ๆ รู้กันหรือไม่ว่า “มาราธอน” นั้น จริง ๆ แล้วมีประวัติความเป็นมา ที่ไปที่มาเป็นอย่างไร

ตำนาน “มาราธอน” ก่อกำเนิดขึ้นจากสงครามระหว่างกรีกกับเปอร์เซีย

มีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของมาราธอนอย่างแพร่หลายว่ากว่าเมื่อ 2,500 ปีก่อน ในสมัยที่เกิดสงครามระหว่างกองทัพกรีกกับเปอร์เซีย ณ พื้นที่ทุ่งมาราธอนนั้น ได้มีนายทหารคนหนึ่งของกองทัพกรีกซึ่งมีชื่อว่า
ฟีร์ดิปปิเดซ (Pheidippides) ได้ทำหน้าที่เป็นผู้ส่งข่าวให้แก่ชาวเมืองกรีกที่กรุงเอเธนส์ให้ทราบถึงชัยชนะที่กองทัพกรีกมีเหนือกองทัพเปอร์เซีย ทั้งยังต้องการส่งข่าวให้ชาวเมืองคอยระแวดระวังทหารของกองทัพเรือเปอร์เซียเพิ่มเติม เพื่อความไม่ประมาทอีกด้วย แต่เนื่องจากระยะทางจากทุ่งมาราธอนมาถึงเมืองเอเธนส์นั้นค่อนข้างไกลมากสำหรับการวิ่งอย่างยาวนานโดยไม่ได้พักเลยประมาณ 40 กิโลเมตร (24.85 ไมล์) ทำให้ทหารผู้ทำหน้าที่ส่งข่าวถึงแก่ความตายทันทีหลังจากที่เขาได้ประกาศข่าวแก่ชาวเมืองว่า “เราชนะแล้ว”

แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีนักประวัติศาสตร์ชาวกรีกผู้หนึ่งที่มีนามว่า เฮโรโดตัส (Herodotus) ได้ให้ข้อมูลอีกแบบหนึ่งว่า ฟีร์ดิปปิเดซมิได้เดินทางจากทุ่งมาราธอนไปกรุงเอเธนส์เพื่อประกาศชัยชนะแต่อย่างใด แต่เขาได้วิ่งจากกรุงเอเธนส์เพื่อไปขอความช่วยเหลือทางด้านกองกำลังจากสปาร์ตาต่างหาก และระยะทางวิ่งไปกลับก็ประมาณ 240 กิโลเมตรเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีข้อมูลจากแหล่งอื่นที่กล่าวกันว่าคนที่ทำหน้าที่เป็นผู้ส่งข่าวนั้นแท้จริงแล้วมีชื่อว่า “ฟีร์ลิปปิเดซ (Philippides)” ต่างหาก แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าประวัติความเป็นมาที่ถูกต้องตามความเป็นจริงนั้นจะเป็นอย่างไร แต่นี่ก็นับเป็นจุดเริ่มต้นและที่มาของกีฬาวิ่งประเภท “มาราธอน” ในปัจจุบัน

จากประวัติความเป็นมาดังกล่าว นี่จึงเป็นที่มาของสาเหตุหลักสำคัญที่นักกีฬาที่จะทำการลงแข่งขันวิ่งมาราธอน จะต้องมีการเตรียมพร้อมร่างกายตัวเองเป็นอย่างดี ไม่เพียงแค่การซ้อมวิ่งในแต่ละวันก่อนการแข่งขันเพื่อให้ร่างกายมีความพร้อมสำหรับมาราธอนเท่านั้น แต่ในเรื่องของการเตรียมตัวในด้านโภชนาการอาหารการกินก็จำเป็นเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ระหว่างการวิ่งมาราธอนจะต้องมีการพักดื่มน้ำบ้างเป็นระยะ ๆ เพื่อไม่ให้ร่างกายเหนื่อยล้า หรือขาดน้ำมากเกินไป จนส่งผลอันตรายต่อร่างกายร้ายแรงได้นั่นเอง

post

ประเทศไทย กับ การจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

การวิ่ง เป็นกีฬาชนิดหนึ่งที่สามารถเล่นได้ทุกช่วงอายุ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ คนสูงอายุ ผู้หญิงหรือผู้ชาย เป็นกีฬาที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์มากมายอะไรเลยในการออกกำลังกาย เพียงแค่มีรองเท้าวิ่งดีดีซักคู่ กับใจที่อยากมีสุขภาพที่ดี เท่านี้ ก็สามารถที่จะออกไปโลดแล่นในสนามวิ่ง ทั้งในแบบสนามที่เป็นทางการตามสถานศึกษา มหาวิทยาลัย หรือจะเป็นเส้นทางในสวน หรือตามถนนในหมู่บ้านกันได้แล้ว จะว่าไปแล้วปัจจุบันกิจกรรมการวิ่งในประเทศไทยนั้นถูกจัดขึ้นกันอย่างต่อเนื่องและแพร่หลาย ทำให้เกิดนักวิ่งมือใหม่เพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปี

โดยระยะที่จัดให้มีการแข่งขันกัน ก็มีหลาย ๆ ระยะให้เลือกด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นระยะเริ่มต้นอย่าง Fun Run 5 กิโลเมตร ระยะมินิมาราธอน 10.50 กิโลเมตร ระยะฮาฟมาราธอน 21.10 กิโลเมตร หรือจะเป็นระยะฟูลมาราธอน 42.195 กิโลเมตร เป็นต้น และสำหรับใครที่มีความสนใจเกี่ยวกับการจัดงานแข่งขันวิ่งในประเทศไทย วันนี้เรามีประวัติความเป็นมาของการจัดงานวิ่งมาราธอนครั้งแรกในประเทศไทยมาฝากกันดังนี้

การจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอนครั้งแรกในประเทศไทย

การแข่งขันมาราธอนที่ถูกจัดครั้งแรกในประเทศไทย เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ปี พ.ศ.2530 ซึ่งนับเป็นปรากฎการณ์การวิ่งมาราธอนที่หลาย ๆ คนในยุคสมัยนั้นประทับใจไม่รู้ลืม โดยงานวิ่งในครั้งนั้นใช้ชื่อว่า “งานวิ่งลอยฟ้าเฉลิมพระเกียรติ (Royal Marathon Bangkok)” โดยวัตถุประสงค์ของการจัดงานในครั้งนั้นขึ้นมามีด้วยกันหลายประการ อาทิ จัดขึ้นเนื่องในโอกาสการเปิดใช้งานสะพานพระราม 9 ซึ่งเป็นสะพานที่ใช้สัญจรไปมาข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาอีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร และเพื่อเป็นการร่วมถวายพระพรให้กับพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ของปวงชนชาวไทยที่มีพระชนมายุครบ 5 รอบในขณะนั้น นอกจากนี้ยังเป็นการจัดงานเพื่อระดมทุนที่จะใช้ในการสร้างอาคารสยามมินทร์ ซึ่งเป็นอาคารแห่งหนึ่งที่ไว้ใช้สำหรับรองรับผู้ป่วยของโรงพยาบาลศิริราชอีกด้วย

โดยการจัดการแข่งขันในครั้งนั้น นอกจากระยะมาราธอน 42.195 กิโลเมตร ที่แบ่งออกเป็นรุ่นอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป และรุ่นทั่วไปที่ไม่จำกัดอายุแล้ว ยังมีรายการอื่น ๆ อีกด้วย ได้แก่ รายการระยะฮาฟมาราธอน 2 รุ่นเช่นเดียวกับระยะมาราธอน รายการระยะมินิมาราธอน ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 รุ่น คือ รุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี รุ่นอายุระหว่าง 20-40 ปี และรุ่นอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ทั้งนี้มีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมการแข่งขันวิ่งในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายการมินิมาราธอน 10 กิโลเมตร ที่มีผู้เข้าร่วมสูงสุดถึง 80,000 คน โดยประกอบไปด้วยผู้คนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ทั้งนี้เพื่อน ๆ สามารถไปหาชมภาพบรรยากาศงานวิ่งครั้งประวัติศาสตร์ของประเทศไทยกันได้ เพื่อที่จะได้มีโอกาสเห็นถึงจุดเริ่มต้นการจัดการแข่งขันมาราธอนครั้งแรกในประเทศไทยกันได้อย่างเต็มอิ่ม

อย่างไรก็ดีต่อให้เพื่อน ๆ จะอยากออกกำลังกายโดยการวิ่งเพราะวัตถุประสงค์ใด แต่สิ่งสำคัญก็คือการใส่ใจสุขภาพ และวิธีการวิ่งที่ถูกต้อง เพื่อให้เพื่อน ๆ ได้ประโยชน์จากการออกกำลังกายประเภทนี้โดยปราศจากซึ่งอาการบาดเจ็บใด ๆ โดยที่ไม่จำเป็น และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในซักวันเพื่อน ๆ จะสามารถเก็บรายการการวิ่งได้ทุก ๆ ระยะดังที่กล่าวมา

post

แนะนำวิธีการเลือกซื้อนาฬิกาข้อมือ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายประเภทการวิ่ง

สำหรับนักวิ่งสายชื่นชอบการออกกำลังกายตัวจริงแล้วล่ะก็ เชื่อเหลือเกินว่าจะต้องมีไอเท็มเด็ดประเภทนาฬิกาข้อมือ สำหรับการจับระยะทางและเวลาที่ใช้ในการวิ่งกันอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะซื้อมาใช้งานกันแล้วหรือกำลังเล็ง ๆ รุ่นที่อยากได้กันอยู่ก็ตาม ซึ่งคงต้องยอมรับกันตรง ๆ ว่าในตลาดปัจจุบันนี้นั้นมีตัวเลือกสินค้าประเภทนี้หลายรุ่น หลายยี่ห้อให้ผู้ใช้งานได้เลือกซื้อเลือกหามาใช้งานให้เหมาะสมกับความต้องการของตนเองกันอย่างมากมาย วันนี้เราจึงมีคำแนะนำดีดีในการเลือกซื้อนาฬิกาข้อมือสำหรับการแสดงผลและการเก็บสถิติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการออกกำลังกายดังต่อไปนี้

1.ชนิดกีฬาที่ต้องการใช้นาฬิกาข้อมือในการเก็บข้อมูล เนื่องจากกีฬาประเภทการวิ่งนั้นก็สามารถแบ่งย่อยออกได้อีกหลาย ๆ รูปแบบ เช่น วิ่งบนถนนทางเรียบธรรมดา การวิ่งเทรลที่เส้นทางจะค่อนข้างขรุขระและมีอุปสรรคมากกว่า และส่วนใหญ่จะเป็นการวิ่งตามป่าตามเขา หรือการวิ่งในการแข่งขันประเภทไตรกีฬา หรือการวิ่งบนลู่ใน Fitness โดยทั่ว ๆ ไป เป็นต้น ดังนั้นนาฬิกาที่จะเอาไว้สำหรับการเก็บสถิติข้อมูลต่าง ๆ จะต้องสอดคล้องและเหมาะสมกับประเภทกีฬาที่เราชอบมากที่สุด เพื่อให้การใช้งานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นเอง

2.ฟังก์ชันการใช้งาน แน่นอนว่านอกจากฟังก์ชันพื้นฐานที่สามารถเก็บข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างละเอียด เช่น ข้อมูลระยะทาง พิกัดจุดเริ่มต้น จุดสิ้นสุดของการวิ่ง หรือกระทั่งระยะเวลาที่ใช้ในการวิ่งต่อหนึ่งหน่วยระยะทางแล้ว ผู้ใช้งานจะต้องรู้ความต้องการของตนเองเป็นอย่างดีว่าต้องการฟังก์ชันเสริมเพิ่มเติมอื่น ๆ อีกหรือไม่อย่างไร ยกตัวอย่างเช่น ฟังก์ชันในการฟังเพลงได้ในตัว โดยตัวนาฬิกาจะสามารถเชื่อมต่อกับหูฟังแบบไร้สายได้ ซึ่งผู้ใช้งานก็จะสามารถได้รับฟังความบันเทิงขณะวิ่ง โดยที่ไม่ต้องพกโทรศัพท์มือถือไปด้วยเพื่อช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการวิ่งได้เป็นอย่างดีอีกทางหนึ่ง หรือฟังก์ชันเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวัดชีพจร หรือแสดงอัตราการเต้นของหัวใจขณะออกกำลังกาย หรือจะเป็นฟังก์ชันการแสดงปริมาณแคลอรี่ที่เผาผลาญได้ขณะออกกำลังกาย เป็นต้น

3.ความคล่องตัวในการใช้งาน เนื่องจากบางท่านที่ต้องการนาฬิกาข้อมือสำหรับการออกกำลังกาย อาจเป็นผู้สูงอายุ หรือจะเป็นบุตรหลานที่ต้องการซื้อไปให้กับผู้หลักผู้ใหญ่ในครอบครัวเพื่อเป็นการช่วยสนับสนุนให้ญาติ ๆ ได้ออกกำลังกายกันเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นฟังก์ชันการใช้งานที่เฟรนลี่ สะดวกและง่ายต่อการใช้งานจึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จำเป็นจะต้องคำนึงถึงไม่แพ้กัน

4.ความคุ้มค่าของราคาที่เหมาะสมกับฟังก์ชันการใช้งาน และเหมาะสมกับความต้องการพื้นฐาน เพราะต้องยอมรับกันตรง ๆ ว่าบางที ผู้บริโภคบางคนก็หลงไปกับฟังก์ชันมากมายที่ทางผู้ผลิตใส่มาให้ หรือโฆษณาชวนเชื่อต่าง ๆ ทั้ง ๆ ที่บางทีฟังก์ชันบางอย่างนั้นเกินความจำเป็นในการใช้งานจริงไปมาก และยิ่งฟังก์ชันเพิ่มเติมมามากเท่าไหร่ ราคาก็จะสูงเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วยเท่านั้น ดังนั้นควรคิดให้ถี่ถ้วนถึงความคุ้มค่าคุ้มราคากับการใช้งานจริงของตนเองให้มากที่สุดก่อนที่จะตัดสินใจซื้อนาฬิกาออกกำลังกายซักเรือนหนึ่ง

เป็นอย่างไรกันบ้างกับคำแนะนำในการเลือกซื้อนาฬิกาข้อมือสำหรับการออกกำลังกาย หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่กำลังตัดสินใจไม่ตกว่าจะเลือกซื้อนาฬิกาประเภทนี้กันอย่างไรไม่มากก็น้อย และขออวยพรให้เพื่อน ๆ ได้นาฬิกาดีดีที่ตรงใจเพื่อให้การออกกำลังกายมีความสุขอย่างที่หวังไว้

post

แนะนำวิธีวิ่งอย่างไรไม่ให้มีอาการปวดเข่า

ว่ากันว่าเหรียญมักมีสองด้านเสมอ เรื่องทุกเรื่องในชีวิตคนเราก็เช่นกัน โดยในวันนี้เราจะมาพูดถึงด้านที่ไม่ดีของการออกกำลังกายด้วยการวิ่งกันบ้าง ซึ่งใคร ๆ ต่างก็รู้กันดีว่าการออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ควรทำ เพราะเป็นสิ่งดีมีประโยชน์ที่จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ และช่วยลดความเครียดที่อาจจะเกิดจากปัญหาการทำงานหรือปัญหาชีวิตต่าง ๆ ที่ต้องพบเจอในแต่ละวันของการดำเนินชีวิตได้เป็นอย่างดี แต่หากออกกำลังกายอย่างไม่ระมัดระวังหรือหักโหมร่างกายมากเกินไป ฝืนใช้ร่างกายขณะที่ไม่มีความพร้อมก็จะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บขึ้นได้ ซึ่งคนส่วนใหญ่เมื่อเริ่มฝึกวิ่งใหม่ ๆ อาจจะวิ่งผิดวิธีทำให้มีอาการบาดเจ็บที่บริเวณหัวเข่าได้ แล้วหากถามว่าอาการบาดเจ็บหรือปวดหัวเข่าที่เกิดจากการวิ่งนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ก็ต้องไปทำความเข้าใจถึงสาเหตุของการเกิดอาการดังกล่าวกันก่อนดังนี้

สาเหตุและที่มาของอาการปวดเข่า

อาการปวดเข่าที่เกิดจากการวิ่งส่วนมากมีสาเหตุมาจากการที่ข้อต่อบริเวณที่เชื่อมระหว่างกระดูกต้นขาและกระดูกหน้าแข้งนั้นรองรับน้ำหนักหรือแรงกระแทกที่มากเกินไป ซึ่งส่วนใหญ่แล้วอาการปวดเข่านี้สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ คนสูงอายุ และเกิดขึ้นได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเพศหญิง เนื่องจากเพศหญิงจะมีข้อจำกัดในเรื่องของความกว้างของสะโพกที่มีขนาดใหญ่กว่าผู้ชาย เพราะต้องมีพื้นที่เผื่อไว้สำหรับการคลอดลูก ทำให้ส่งผลในเรื่องของระบบการทรงตัวบริเวณหัวเข่าที่ทำได้ดีไม่เท่าผู้ชายนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตามอาการปวดเข่าสามารถที่จะหลีกเลี่ยงหรือลดความรุนแรงลงได้ ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

3 วิธีวิ่งอย่างไรให้ลดอาการปวดเข่า

1.การยืดกล้ามเนื้อและการวอร์มร่างกายก่อนและหลังการออกวิ่งทุกครั้ง เนื่องจากการยืดเหยียดกล้ามเนื้อทั้งก่อนและหลังการวิ่งจะช่วยให้กล้ามเนื้อปรับตัวเพื่อช่วยในเรื่องของการหมุนเวียนเลือดได้ดีเพิ่มยิ่งขึ้น ยิ่งเลือดหมุนเวียนได้ดีเท่าไร ก็จะช่วยลดอาการบาดเจ็บ ปวดเมื่อยที่อาจจะเกิดจากการออกกำลังกายไปได้บ้างไม่มากก็น้อย

2.ควรเลือกรองเท้าที่ใช้สำหรับการวิ่งให้เหมาะสมกับตนเอง เนื่องจากรูปทรงเท้าของคนแต่ละคนไม่เท่ากัน อีกทั้งรูปแบบรองเท้าที่ถูกผลิตออกมานั้นก็เหมาะสมกับเท้าแต่ละแบบไม่เหมือนกันอีกด้วย ดังนั้นผู้ใช้งานจะต้องรู้จักเท้าของตัวเองให้ดีว่ามีลักษณะเป็นแบบไหน เพื่อที่จะได้สามารถเลือกซื้อรองเท้าวิ่งสำหรับเอาไว้ใช้งานให้เหมาะสมมากที่สุด เพราะเชื่อเหลือเกินว่าอุปกรณ์ที่ดีจะช่วย Support เท้าของเพื่อน ๆ ให้สามารถวิ่งได้ดีและช่วยลดอาการบาดเจ็บหัวเข่าที่อาจจะเกิดจากการกระแทกได้ดีตามไปด้วย

3.ไม่ควรวิ่งโดยก้าวเท้ายาวมากเกินไป เพราะจะทำให้หัวเข่าทำงานหนักโดยที่ไม่จำเป็น และไม่ควรยกเท้าสูงมากเกินไป เพราะจะทำให้เกิดแรงกระแทกเพิ่มมากขึ้นได้นั่นเอง อีกทั้งควรเลือกวิ่งในบริเวณพื้นที่ที่ไม่ขรุขระมากเกินไปนัก

อย่างไรก็ตามหากเพื่อน ๆ คนไหนที่นำวิธีการเหล่านี้ไปใช้แล้ว แต่ยังมีอาการปวดเข่าเรื้อรังไม่หาย คำแนะนำที่ดีที่สุดคือควรไปให้แพทย์วินิจฉัยให้เร็วที่สุด เพราะคงจะเป็นการเสียความรู้สึกไม่น้อยหากว่าเพื่อน ๆ เป็นคนที่รักการวิ่งเป็นชีวิตจิตใจแต่ไม่สามารถออกกำลังกายด้วยการวิ่งได้อีกต่อไป

post

อุปกรณ์เสริมแนะนำสำหรับนักวิ่งมือใหม่

คำกล่าวที่ว่า “อุปกรณ์ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง” นั้น ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริงมาก ๆ สำหรับคนที่ชื่นชอบและรักการเล่นกีฬาเกือบทุกชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกีฬาที่ต้องอาศัยความอดทน และความพยายามของตัวเองล้วน ๆ อย่างกีฬาประเภทการวิ่ง เพราะหากเป็นกีฬาชนิดอื่น ๆ ที่มีผู้เล่นมากกว่าหนึ่งคนแล้ว นอกจากคุณภาพของอุปกรณ์แล้วอาจต้องอาศัยความสามัคคีและความมีน้ำหนึ่งใจเดียวกันเป็นหลัก แต่กีฬาประเภทวิ่งนั้นนอกจากใจของผู้วิ่งแล้ว อุปกรณ์ดีก็จะช่วยให้ผู้วิ่งสามารถที่จะวิ่งได้ดีและนานขึ้นได้นั่นเอง

วันนี้เราจึงมีอุปกรณ์เสริมเป็นตัวเลือกให้แก่นักวิ่งมือใหม่ทุกคนได้ลองซื้อลองหามาใช้ เพื่อช่วยให้การวิ่งของคุณน่าสนุกและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไปดูกันเลย..

1.สายรัดต้นแขน แน่นอนว่าโทรศัพท์มือถือแทบจะเรียกได้ว่าเป็นปัจจัยที่ 5 ของผู้คนในยุคสมัยใหม่ ดังนั้นแม้แต่ตอนที่กำลังออกกำลังกายอย่างการวิ่ง เป็นเรื่องธรรมดามากที่นักวิ่งจะพกพามือถือติดตัวไปด้วย เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่านอกจากประโยชน์ในด้านการติดต่อสื่อสารแล้วนั้น มือถือเกือบจะเป็นทุกอย่างให้กับผู้ใช้งานแล้ว ไม่ว่าจะช่วยให้ความบันเทิงขณะวิ่งด้วยแอปพลิเคชันทางด้านดนตรีทั้งหลาย หรือสายศึกษาหาความรู้ก็จะมีแอปพลิเคชันประเภท Podcast เอาไว้เป็นตัวเลือกในการฟังขณะวิ่ง และที่สำคัญเลยที่มือถือสามารถตอบสนองในเรื่องของการวิ่งได้เป็นอย่างดี ก็มาจากเจ้าแอปพลิเคชันที่เอาไว้เก็บสถิติต่าง ๆ ในการวิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการติดตามระยะทาง หรือการวิเคราะห์ระยะเวลาหรือความเร็วที่ใช้ในการวิ่งต่อหนึ่งหน่วยระยะทาง ซึ่งหลายคนก็ยอมรับว่าการมีแอปพลิเคชันแบบนี้ช่วยให้การวิ่งสนุกเพิ่มมากขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ

2.หูฟังไร้สาย อุปกรณ์เสริมประเภทนี้กำลังได้รับความนิยมจากทั้งนักวิ่ง และบุคคลทั่วไปกันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากหลายครั้งที่ผู้คนมักจะต้องไปออกกำลังกายในที่สาธารณะ ดังนั้นการจะฟังเพลงหรือข่าวสารต่าง ๆ ขณะวิ่งนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฟังอย่างเป็นส่วนตัวเพื่อไม่เป็นการรบกวนผู้อื่นที่ร่วมทำกิจกรรมในบริเวณพื้นที่เดียวกันนั่นเอง

3.บราแบบสปอร์ตสำหรับหญิงสาว เอาใจคุณผู้หญิงด้วยการแนะนำสปอร์ตบราในการวิ่ง ข้อดีของชุดประเภทนี้คือ ค่อนข้างให้ความกระชับและแนบไปกับทรวดทรงของลำตัวได้ดี ทำให้การวิ่งของสาว ๆ ไม่อึดอัดอีกต่อไป และที่สำคัญคือบราประเภทนี้บางรุ่นยังสามารถช่วยระบายความร้อนขณะวิ่งได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

4.กางเกงกระชับกล้ามเนื้อสำหรับชายหนุ่ม ผู้ที่รักการออกกำลังกายทั้งหลาย เนื่องจากทรวดทรงและรูปลักษณ์การออกแบบของกางเกงประเภทนี้จะช่วยทำให้คุณผู้ชายทั้งหลายไม่รู้สึกอึดอัดเกินไปขณะวิ่ง นอกจากนี้ด้วยเนื้อผ้ายืดที่ถูกออกแบบมาแล้วเป็นอย่างดี ทำให้สามารถแนบกระชับเข้ากับสรีระของผู้สวมใส่และช่วยระบายความร้อนได้ดีมาก ๆ อีกด้วย

อย่างไรก็ตามเมื่อเพื่อน ๆ มีอุปกรณ์เสริมครบครันสำหรับการวิ่งกันแล้ว ที่เหลือก็คงเป็นแต่เพียงพาตัวเองออกไปวิ่งเพื่อสุขภาพที่ดีในทุก ๆ วันนั่นเอง อย่าปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นนักวิ่งสายโซเชียลที่เน้นแต่อุปกรณ์ แต่ไม่เน้นสุขภาพ เพราะอย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า “สุขภาพดีดีไม่มีขาย ถ้าอยากได้ ต้องลงแรงลงใจทำเองเท่านั้น”

post

“มาราธอน” กีฬาวิ่งระยะไกล เสน่ห์อย่างหนึ่งในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก

กีฬาวิ่งเป็นกีฬาที่ต้องอาศัยทั้งพลังกายและพลังใจค่อนข้างมากในการเล่น เนื่องจากเป็นกีฬาที่ใช้สองเท้าวิ่งก้าวออกไป ยิ่งเป็นการออกกำลังกายโดยตัวคนเดียวแล้ว การมีวินัย และใช้พลังใจที่ดีเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะกีฬาประเภทนี้สามารถหยุดเล่นได้ทุกขณะหากหมดใจ หรือรู้สึกเหนื่อยมาก ๆ ยิ่งเป็นระยะทางวิ่งที่ไกล ๆ อย่างเช่นการวิ่ง “มาราธอน” ด้วยแล้ว หากผู้วิ่งมีจิตใจไม่เข้มแข็งหรือซ้อมมาไม่มากเพียงพอ ร่างกายก็อาจพร้อมที่จะยอมแพ้และล้มเลิกไปได้ง่าย ๆ ดังนั้นกีฬาประเภทนี้จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการใช้ฝึกความมีวินัยของตนเอง โดยในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกนั้นได้บรรจุกีฬาประเภทนี้เข้าไว้เป็นหนึ่งในรายการแข่งขันด้วย  ดังนั้นเราไปดูกันดีกว่าว่าเจ้ากีฬามาราธอนนี้ได้มาโลดแล่นอยู่ในรายการแข่งขันระดับโลกนี้ได้อย่างไร

การโลดแล่นของกีฬาวิ่งมาราธอนในการแข่งขันกีฬาระดับโลกอย่างโอลิมปิก

การแข่งขันกีฬาวิ่งระยะไกลอย่าง “มาราธอน” นั้นได้ถูกบรรจุเข้าเป็นหนึ่งในรายการแข่งขันของการแข่งขันกีฬาระดับโลกของมวลมนุษยชาติอย่างโอลิมปิกครั้งแรกในปี ค.ศ.1896 ซึ่งผู้ริเริ่ม ก็คือ นายบารอน ปิแอร์ เดอ คูแบร์เต็ง โดยได้มีการจัดการแข่งขัน ณ กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ซึ่งกติกาการจัดการแข่งขันในครั้งนี้กำหนดให้ผู้เข้าแข่งขันที่วิ่งได้ครบระยะทาง 40 กิโลเมตร (24.85 ไมล์) ก่อนเป็นผู้ชนะ โดยระยะดังกล่าวนี้เป็นระยะทางการวิ่งที่อ้างอิงมาจากตำนานของนายทหารชาวกรีกที่มีนามว่า ฟีร์ดิปปิเดซ (Pheidippides) ผู้ที่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้กีฬาการวิ่งมาราธอนถือกำเนิดขึ้น ส่วนผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ชนะการแข่งขันกีฬาวิ่งมาราธอนในโอลิมปิกคนแรกของโลก ก็คือ สปิริดอน หลุยส์ (Spyridon Louis) ซึ่งมีอาชีพเป็นพนักงานส่งไปรษณีย์ โดยหลุยส์สามารถวิ่งในระยะทาง 40 กิโลเมตร โดยใช้เวลาไปทั้งสิ้น 2.58.50 ชั่วโมง

รู้หรือไม่ระยะการวิ่งมาราธอนสากลในปัจจุบันคือระยะทางเท่าใด

ต่อมาในปี ค.ศ.1908 ได้มีการจัดการแข่งขันมาราธอนภายใต้รายการแข่งขันโอลิมปิกขึ้นอีกครั้งที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีนั้น ระยะทางที่จะใช้ก็ควรจะเป็นระยะทาง 40 กิโลเมตร เช่นเดิม แต่เนื่องจากเพื่อให้พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 ผู้ชื่นชอบการชมและเชียร์การแข่งขันกีฬาเป็นอย่างมาก สามารถมองเห็นนักกีฬาที่สามารถเข้าสู่เส้นเป็นผู้ชนะในรายการแข่งขันนี้ได้อย่างชัดเจน ระยะทางการแข่งขันวิ่งมาราธอนจึงถูกเปลี่ยนเป็น 42.195 กิโลเมตร (26.22 ไมล์)โดยเส้นทางการวิ่งในครั้งนี้มีจุดเริ่มต้นของการวิ่งอยู่ที่พระราชวังวินเซอร์ ไปสิ้นสุดที่ White City Stadium หน้าพระพักตร์ของพระองค์นั่นเอง และต่อมาในปี ค.ศ.1921 ผ่านไปเป็นระยะเวลา 13 ปี นับจากการจัดการแข่งขันโอลิมปิกที่ลอนดอน ทางสหพันธ์สมาคมกรีฑานานาชาติ (IAAF, International Association of Athletics Federations) ก็ได้ออกข้อกำหนดอย่างเป็นทางการให้ระยะทางการแข่งขันวิ่งมาราธอนระดับสากล อยู่ที่ระยะทาง 42.195 กิโลเมตรนั่นเอง

และนี่คือที่มาที่ไปของการโลดแล่นอยู่ของรายการแข่งขันวิ่งมาราธอนในการจัดการแข่งขันโอลิมปิก ทำให้ต่อมาเมื่อมีการจัดการแข่งขันรายการวิ่งมาราธอนโดยทั่วไปจึงยึดเอาระยะทางดังกล่าวเป็นระยะทางที่ใช้ในการจัดการแข่งขัน สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่ไม่ทราบประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับการจัดการแข่งขันมาราธอนระดับโลกอย่างในโอลิมปิก ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความรู้และสาระเพิ่มเติมไว้ใช้สำหรับพูดคุยแลกเปลี่ยนกันกับเพื่อน ๆ คอนักวิ่งต่อไป

post

เปิดประวัติ “เอลิอุด คิปโชเก้” สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการมาราธอน

เชื่อเหลือเกินว่าคอกีฬาที่ชอบเชียร์กีฬาวิ่งอย่างมาราธอน จะต้องเคยติดตามรายการแข่งขันวิ่งระดับโลกอย่างการแข่งขันมาราธอนในงานแข่งขันกีฬาโอลิมปิกมาแล้วไม่มากก็น้อย และหากเป็นคนที่ติดตามรายการแข่งขันนี้มาแล้วเป็นอย่างดีจริง ๆ จะต้องรู้จักกับนักวิ่งชาวเคนยาที่มีชื่อว่า “เอลิอุด คิปโชเก้” กันอย่างแน่นอน ซึ่งชายผู้นี้จะเป็นใครไปไม่ได้ เพราะเขาคือผู้ชนะจากการแข่งขันวิ่งมาราธอนในงานโอลิมปิกเกมส์ที่ถูกจัดขึ้นที่ประเทศบราซิล ในนครรีโอเดจาเนโร เมื่อปี ค.ศ.2016 นอกจากนี้เขายังเป็นเจ้าของสถิติการวิ่งมาราธอนที่ดีที่สุดในโลกด้วยระยะเวลาที่เขาใช้วิ่งในระยะทาง 42.195 กิโลเมตร เพียง 1 ชั่วโมง 59 นาที 40.2 วินาที ทันทีที่เขาก้าวเข้าสู่เส้นชัยในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ค.ศ.2019  ซึ่งเป็นสถิติใหม่ที่ลบความเชื่อของชาวโลกที่ว่าคนทั่วไปจะสามารถจบระยะมาราธอนได้โดยใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมงเท่านั้น ดังนั้นวันนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับชายคนนี้กันให้มากขึ้น

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ “เอลิอุด คิปโชเก้”

เอลิอุด คิปโชเก้ เกิดเมื่อปี ค.ศ.1985 ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของประเทศเคนยา เขาเติบโตมาโดยการเลี้ยงดูของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวพร้อม ๆ กับพี่สาว 2 คนและพี่ชายอีก 2 คน ของเขา เนื่องจากพ่อของเขาเสียชีวิตไปตั้งแต่ที่เขายังเป็นเด็ก ในวัยเด็กคิปโชเก้ ต้องวิ่งจากบ้านไปกลับโรงเรียนเป็นระยะทาง 5 – 6 กิโลเมตร ทุกวัน โดยคำพูดหนึ่งของเขาที่อาจจุดประกายให้ใครหลาย ๆ คนเห็นถึงคุณค่าความสำคัญของเวลา ก็คือ “เวลามีจำกัด ดังนั้นถ้าคุณไม่วิ่ง เวลาก็มีไม่พอ” เขาเคยแม้กระทั่งรับจ้างวิ่งส่งนมจากชาวบ้านเพื่อไปขายในเมืองที่ห่างออกไปกว่า 20 กิโลเมตร และด้วยกิจวัตรแบบนั้นของเขา ทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นโดยอัตโนมัติ

คิปโชเก้เป็นคนที่มักจะมีเป้าหมายให้กับตัวเองอยู่เสมอ ดังนั้นทันทีที่เขาเก็บเงินได้มากพอที่จะซื้อรองเท้าสำหรับฝึกวิ่ง เขาก็ไม่ลังเลที่จะทำ เขาฝึกทุก ๆ อย่างเกี่ยวกับการวิ่งด้วยตนเองทั้งหมดโดยปราศจากคำแนะนำจากโค้ชมืออาชีพใด  ๆ และแน่นอนว่าด้วยข้อจำกัดในเรื่องของพื้นฐานการฝึกซ้อมที่อาจมีไม่มากเพียงพอ ทำให้ผลการแข่งขันวิ่งระดับประเทศครั้งแรกของเขาไม่เป็นไปอย่างที่เขาหวัง แต่เขาก็ไม่ย่อท้อ คิปโชเก้ตระหนักดีว่าเขาต้องแก้ที่วิธีฝึกซ้อมของเขาให้ถูกต้องตามหลักการพื้นฐานมากยิ่งขึ้น

และเมื่อเขาฝึกซ้อมได้จริงตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ ความสำเร็จครั้งแรกของเขาก็เกิดขึ้น คือเขาสามารถเอาชนะคู่แข่งทั้งหมดได้อย่างขาดลอยในงานแข่งขันวิ่งระยะ 10 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 21 กันยายน ค.ศ.2001 และในการแข่งขันครั้งนี้เองที่ได้เปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล เพราะคิปโชเก้ได้มีโอกาสรู้จักกับชายผู้เป็นเสมือนแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ของเขา และชายผู้นั้น ก็คือ “แพทริก แซง” ชายผู้เป็นหนึ่งในตำนานนักวิ่งคนหนึ่งของประเทศเคนยา โดยแซงได้สอนทุกอย่างที่จะช่วยทำให้คิปโชเก้แสดงความสามารถของเขาออกมาได้มากที่สุด และคิปโชเก้ก็ไม่ทำให้แซงผิดหวัง เพราะพรสวรรค์ของเขาเปรียบเสมือนดังเพชรที่รอการเจียรไนให้ส่องประกายสว่างให้คนทั่วโลกได้เห็นนั่นเอง

สุดท้ายแล้วที่สุดของความสำเร็จของคิปโชเก้ ก็คือ การที่เขาได้ก้าวขึ้นมาเป็นนักวิ่งคนแรกของโลกที่สามารถจบระยะฟูลมาราธอนได้ในระยะเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมงนั่นเอง นับเป็นสถิติที่ดีที่สุดทั้งของตัวเขาเองและของโลกใบนี้เลยทีเดียว และเชื่อเหลือเกินว่าหากใครมีโอกาสได้ศึกษาประวัติชีวิตของคิปโชเก้อย่างละเอียดมากขึ้น จะต้องได้รับแง่คิดดีดี และแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตจากชายผู้นี้เพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน

post

แนะนำรองเท้าสวยและดีที่เหมาะสำหรับนักวิ่งปี 2019

อย่างที่ทราบกันดีว่ากีฬาวิ่งนั้น แค่มีรองเท้าคู่ใจที่ดีและเหมาะสมกับรูปทรงเท้าของตนเองซักหนึ่งคู่ ก็สามารถที่จะออกกำลังกายได้ถึงไหนถึงกันแล้ว แต่เนื่องจากปัจจุบันนี้การวิ่งกำลังเป็นที่นิยมสำหรับผู้คนทุกเพศทุกวัย และแน่นอนว่าเมื่อความต้องการมีมาก ทางผู้ผลิตรองเท้าจากหลาย ๆ ยี่ห้อจึงมีสินค้ามากมายออกมาวางจำหน่ายให้เลือกซื้อหากันอย่างมากมาย มากจนบางที เพื่อน ๆ ที่เป็นนักวิ่งยังสับสนว่าควรซื้อยี่ห้อไหน รุ่นอะไรกันแน่ จึงจะดีและเหมาะสมกับตนเองมากที่สุด ดังนั้นอย่ากระไรเลยวันนี้เรามีรองเท้าสวย ๆ ดี ๆ ที่เหมาะสำหรับใช้เป็นตัวเลือกให้แก่นักวิ่งทั้งหลายในปี 2019 มาฝากกัน ไปดูเลย…             

1. รองเท้า Adidas Solarboost Shoes เป็นรองเท้าที่เหมาะกับรูปเท้าของคนโดยส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีรูปเท้าที่ค่อนข้างกว้างมากกว่าปกติ เพราะด้วยความที่ตัวรองเท้าด้านในไม่ได้มีพลาสติกเสริมเพิ่มเติมแต่อย่างไร ประกอบกับเนื้อผ้านด้านนอกที่ค่อนข้างกระชับ เป็นด้ายประเภท Parley ซึ่งเป็นพลาสติกจากทะเลที่ถูกนำมารีไซเคิล และออกแบบมาให้เหมาะกับรูปเท้า ส่งผลให้เท้าของผู้ที่สวมใส่จะไม่ถูกแรงกดทับหรือบีบรัดจนมากเกินไปนัก และด้วยความหนาของรองเท้าที่ไม่ได้หนาและหนักจนเกินไป ประกอบกับความยืดหยุ่นของพื้นรองเท้าด้วยแล้ว ส่งผลให้รองเท้าคู่นี้เหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้เป็นรองเท้าอเนกประสงค์ที่สามารถใช้สวมใส่เพื่อวิ่งได้ทั้งระยะทางใกล้และไกล

2. รองเท้า Mizuno Wave Rider 20 หนึ่งในผลิตภัณฑ์ของ “Mizuno” ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในแบรนด์รองเท้ากีฬาที่มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน และมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับได้ว่าดีสำหรับผู้ใช้งาน ดังนั้นในเรื่องของคุณภาพและความสวยงามจึงเชื่อถือได้อย่างแน่นอน โดยรองเท้าในรุ่นนี้นั้นก็ถูกพัฒนามาจนถึงรุ่นที่ 20 กันแล้ว ซึ่งต้องบอกเลยว่าครั้งนี้ทางผู้ผลิตเน้นในเรื่องของความใส่ใจ ตั้งใจให้ตัวรองเท้ามีน้ำหนักที่ค่อนข้างเบา และมีระบบป้องกันการกระแทกที่อาจจะเกิดจากการวิ่งให้มีประสิทธิภาพสูงเพิ่มมากขึ้น โดยด้วยตัวดีไซน์ และเทคโนโลยีการผลิตต่าง ๆ ที่ใส่มาไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี New Cloudwave ที่ช่วยกันกระแทกได้เป็นอย่างดีให้กับเท้า เทคโนโลยีตาข่าย Triple Zone เพื่อการระบายอากาศที่ดีขึ้น หรือเทคโนโลยี Dynamotion Fit ที่ทำให้ตัวรองเท้ามีความยืดหยุ่นรับกับรูปเท้าขณะวิ่งมากขึ้น เป็นต้น ดังนั้นจึงมั่นใจได้เลยว่าคุณภาพรองเท้าคู่นี้คุ้มค่าคุ้มราคาอย่างแน่นอน

3. รองเท้า ASICS HyperGEL-KENZEN อีกหนึ่งแบรนด์รองเท้าจากประเทศญี่ปุ่น ประเทศที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความใส่ใจในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะช่วยเอื้อประโยชน์และเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ชาวโลกเพิ่มมากขึ้น โดยรองเท้ารุ่นนี้ของ ASICS มาพร้อมกับนวัตกรรมพิเศษอย่าง Hyper Gel ที่ใส่เพิ่มเติมเข้ามาในส่วนที่เป็นตัวรองเท้าตรงบริเวณ Midsole เพื่อช่วยในเรื่องของการรองรับรูปทรงและน้ำหนักเท้าที่ดีเพิ่มมากขึ้น ช่วยให้การเคลื่อนไหว และการเคลื่อนตัวไปของเท้านั้นเป็นไปอย่างธรรมชาติมากที่สุด เรียกได้ว่านี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่ทาง ASICS ใส่คุณสมบัติตัวนี้เพิ่มเข้ามาให้กับผู้ใช้งาน นอกจากนี้การออกแบบรองเท้าคู่นี้ยังได้มีการเพิ่มการผสมผสานระหว่าง TPU และ Gel ที่มีคุณสมบัติในการรองรับแรงกระแทก และลดแรงเสียดทานที่อาจจะเกิดขึ้นขณะวิ่งได้ดี เพราะวัสดุเป็นรูปแบบฟองน้ำที่เหมาะสำหรับป้องกันการกระแทกได้ดีนั่นเอง ด้วยคุณสมบัติข้อนี้จึงทำให้ผู้ที่สวมใส่รองเท้าคู่นี้สามารถเคลื่อนตัวไปข้างหน้าได้อย่างคล่องตัวและรวดเร็วว่องไวขึ้นนั่นเอง

สุดท้ายนี้แม้ว่ารองเท้าดีจะทำให้เพื่อน ๆ สามารถวิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพดีเพิ่มขึ้นแล้ว แต่ก็ต้องไม่ลืมใส่ใจในเรื่องของวิธีการวิ่งให้ถูกต้องถูกวิธีอีกด้วย ไม่ควรออกกำลังกายอย่างหักโหมมากเกินไป เพราะก็อย่างที่ทราบกันดีว่าอะไรที่มากเกินไปมักไม่ดี ไม่เว้นแม้แต่เรื่องการออกกำลังกายก็เช่นกัน

post

วิ่งอย่างไรให้สนุกและสามารถเก็บข้อมูลการวิ่งได้อย่างมีชั้นเชิง

หากจะนึกถึงกีฬาสักชนิดที่เป็นที่นิยมในหมู่ของคนรักสุขภาพ ชอบดูแลสุขภาพตัวเองโดยการออกกำลังกายเพื่อ เพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ และระบบการทำงานของหัวใจ เป็นกีฬาที่ไม่มีอุปกรณ์ยุ่งยากก็สามารถออกได้ เป็นกีฬาที่สามารถทำได้ทันทีโดยลำพังคนเดียวแล้วล่ะก็ เชื่อว่า “กีฬาวิ่ง” จะต้องเป็นหนึ่งในกีฬาที่ผู้คนนึกถึงมาเป็นอันดับแรก ๆ แน่ ๆ ยิ่งในปัจจุบันนี้กระแสของการวิ่งกำลังได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ เห็นได้จากที่ประเทศไทยได้มีการจัดกิจกรรมวิ่งประเภทต่าง ๆ จำนวนงานเพิ่มขึ้นทุกปี เรียกได้ว่าถ้าอยากวิ่ง แค่กดค้นหางานวิ่งก็มีให้เลือกกันอย่างมากมายแล้ว

แต่อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่เป็นนักวิ่งไม่ว่าจะหน้าเก่าหรือหน้าใหม่ การที่จะไปวิ่งตามงานต่าง ๆ ได้ไม่ว่าจะเป็นระยะ 5 – 10 กิโลเมตร หรือจะ 21 – 42.195 กิโลเมตร การฝึกซ้อมเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะการซ้อมวิ่งจะทำให้นักวิ่งสามารถทำเวลาได้ดีขึ้นในการวิ่งแต่ละครั้ง อีกทั้งยังเป็นการเตรียมพร้อมร่างกายให้มีการออกกำลังกายอยู่อย่างสม่ำเสมออีกด้วย วันนี้เราจึงมีแอปพลิเคชันสำหรับนักวิ่งมาแนะนำกัน เพื่อช่วยให้การวิ่งของท่านทั้งหลายน่าสนุก และสามารถเก็บข้อมูลสถิติการวิ่งต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เริ่มกันที่แอปพลิเคชันที่มีชื่อว่า “Strava” ซึ่งเป็นแอปฯ ที่สามารถเก็บรายละเอียดข้อมูลการออกกำลังกายได้ทั้งชนิดกีฬาวิ่งและปั่นจักรยาน เป็นแอปพลิเคชันที่ถูกพัฒนาให้มีความสามารถในการจัดเก็บสถิติข้อมูลการวิ่งต่าง ๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วน ฟีเจอร์หลัก ๆ ที่เจ้าแอปฯ ตัวนี้สามารถทำได้ คือ การบันทึกข้อมูลระยะทาง/เส้นทางที่ใช้ในการวิ่ง โดยอาศัยการทำงานร่วมกับระบบติดตามพิกัดตำแหน่งจากตัวเครื่องโทรศัพท์ วิเคราะห์เวลาที่ใช้ในการวิ่งแต่ละครั้ง มีฟังก์ชันให้ใส่ข้อมูลรองเท้าที่ใช้ในการวิ่ง เพื่อวิเคราะห์อัตราการเสื่อมของรองเท้าที่ใช้วิ่งได้อีกด้วย

นอกจากนี้เจ้าแอปฯ ตัวนี้ยังสามารถรองรับข้อมูลได้จากหลากหลายอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกา GPS  หรือการซิงค์ข้อมูลการวิ่งที่เคยจัดเก็บไว้ในแอปพลิเคชันอื่น ๆ เนื่องจากมีเว็บหลักที่เอาไว้สำหรับเก็บข้อมูลต่าง ๆ ได้นั่นเอง อย่างไรก็ดีฟีเจอร์เพิ่มเติมแบบ Premium ที่ต้องเสียเงินค่าบริการเพิ่มเติมก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เช่น ฟีเจอร์โค้ชส่วนตัวที่จะคอยแนะนำโปรแกรมการวิ่งที่เหมาะสมให้กับผู้ใช้งาน หรือ ฟีเจอร์ Live ที่สามารถดูเพื่อนวิ่งได้อีกด้วย เรียกได้ว่าแอปฯ นี้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างครบครันทีเดียว

แอปพลิเคชันสำหรับนักวิ่งอีกหนึ่งแอปฯ ที่เราจะแนะนำกันก็คือ “Emdomondo” ซึ่งต้องบอกเลยว่าเป็นแอปฯ ที่เหมาะกับนักวิ่งที่ชอบเข้าสังคมเป็นอย่างมาก เพราะหนึ่งในฟีเจอร์สุดเจ๋งของเจ้าแอปฯ ตัวนี้ ก็คือ Community นักวิ่งนั่นเอง โดยการทำงานของ Community นี้ เปรียบเหมือนการเล่น Social Network ของนักวิ่งด้วยกันเอง ยกตัวอย่างเช่น นักวิ่งที่เข้าร่วมจะสามารถเล่นกิจกรรมที่เป็น Challenges ในแต่ละวันได้ แล้วในทุก ๆ เดือนผู้ที่สะสมระยะทางวิ่งได้มากที่สุดก็จะได้รับรางวัลไป โดยนักวิ่งก็จะสามารถติดตามดู Activity ของเพื่อนนักวิ่ง หรือแม้แต่ดูเพื่อนวิ่งแบบ Live ได้กันเลยทีเดียว

นอกจากนี้ฟีเจอร์อื่น ๆ ที่น่าสนใจของเจ้าแอปฯ นี้ยังประกอบไปด้วย การบันทึกกิจกรรมต่าง ๆ ในการวิ่ง ระบบแนะนำโปรแกรมการวิ่งชนิดที่เรียกได้ว่าเปรียบเสมือนมีโค้ชส่วนตัวไว้สำหรับแนะนำการวิ่งกันเลยทีเดียว นอกจากนี้ตัวแอปพลิเคชันยังสามารถรองรับการทำงานร่วมกับ Apple Watch ได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นแอปพลิเคชันสำหรับนักวิ่งตัวหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย

อย่างไรก็ดีขอให้เพื่อนสนุกไปกับการวิ่ง เพราะไม่ว่าจะใช้แอปพลิเคชันใดในการเก็บสถิติข้อมูลการวิ่ง แต่หลักใหญ่ใจความแล้ว ก็คือการพาร่างกายตัวเองให้ออกมาวิ่ง ออกมาออกกำลังกาย เพื่อสุขภาพที่ดี ดังนั้นเลือกซักแอปฯ ที่ถูกใจคุณแล้วออกไปวิ่งเพื่อสุขภาพที่ดีกันได้เลย