post

Altra Paradigm 4.0 ที่สุดความหนาเพื่อซัพพอร์ตสายวิ่ง neutral

ค่ายรองเท้าวิ่ง Altra อาจจะไม่ดังเท่ากับคู่แข่งร่วมวงการแต่รองเท้าของ Altra เองก็ได้รับการพัฒนาให้ลงตลาดได้อย่างไม่น้อยหน้าใคร ซึ่งตัวท็อปของค่ายนี้อย่าง Paradigm ก็ได้รับการจูนเครื่องใหม่เพื่อตอบโจทย์นักวิ่งได้อย่างสวยงาม

Altra Paradigm 4.0 อ่านว่า พา-รา-ดาม เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น Paradigm 3.0 ที่เป็นแบบ High Drop มันถูกเลือกเซ็ตซีโร่ให้มีค่าดร็อปของรองเท้าอยู่ที่ 0 กลายเป็นว่ารองเท้ารุ่นนี้ถูกนำกลับสู่ความเป็นรองเท้าสำหรับนักวิ่งสาย Neutral เต็มตัว แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ได้รับการเพิ่มให้มีพื้นรองเท้าหนามากยิ่งขึ้นจนไปหยุดอยู่ที่ 30 mm. ซึ่งธรรมดารองเท้าสายค่า Drop ต่ำจะไม่หนามาก แต่ Paradigm 4.0 ที่ทำตัวเองให้กลายเป็นรองเท้าของคนปกติเลือกความรู้สึกเด้งดึ๋งไว้ตอบโจทย์นักวิ่งสายนี้ที่กังวลว่าวิ่งแล้วไม่มีอะไรซัพพอร์ตให้ความนุ่มเท้า

แต่เพื่อให้ Paradigm 4.0 ยังรักษาคุณสมบัติของรองเท้าสาย Stability Shoes ทางค่าย Altra ก็จัดการเสริมสมดุลของรองเท้าเพื่อรับรองการวิ่งของคนเท้าแบนรุนแรงหรือเท้าล้มด้วยสองตัวช่วยทั้งเทคโนโลยี GuideRail และ Stabilipod ที่ทำให้แกนของรองเท้ามีความมั่นคงเวลาวิ่งมากขึ้น

ด้านการระบายอากาศของรองเท้าก็ทำออกมาดี ด้วยการใช้ผ้าแบบมีรูห่าง ทำให้ระบายอากาศและความร้อนได้เร็ว

หลังจาก Runner’s World ให้นักเทสต์ทำการทดสอบผลปรากฏว่า Paradigm 4.0 เก็บคะแนนความชอบใจเรื่องรับแรงกระแทกส้นเท้าไป 8.4/10 ส่วนคะแนนซัพพอร์ตฝ่าเท้าเกือบเต็ม 10 นับว่าเป็นรุ่นเดียวและค่ายเดียวของการทำ recommended ปี 2019 ที่ได้คะแนนใกล้เคียง 10 ที่สุดแล้ว

ผลการจำหน่ายในท้องตลาด Altra Paradigm 4.0 ถูกจำหน่ายไปด้วยโวลลุ่มที่น่าสนใจกล่าวคือมันเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แม้จะถูกติติงว่ามันดูเทอะทะไปบ้าง และค่อนข้างหนักสักนิดเมื่อเริ่มต้นวิ่งช่วง 4-6 กิโลเมตรแรก แต่เมื่อใช้วิ่งเป็นระยะทางสัก 10 กิโลเมตรหรือไกลกว่านั้นนักวิ่งจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันเบาแรงมากเมื่อเทียบกับน้ำหนักที่รู้สึกในทีแรก โดยเฉพาะในเรื่องของการรับแรงกระแทกและคืนแรงในระหว่างวิ่ง หรือแม้แต่การใช้สวมใส่เดินทั้งวันผลตอบรับของมันก็กลับมาเป็นเชิงบวก

Altra Paradigm 4.0 ออกจำหน่ายในราคา 4,700 กว่าบาทในเมืองไทย ถือเป็นราคาที่น่าจับต้องมาก โดยหากมองในแง่ที่ว่ามันสามารถใส่ในชีวิตประจำวันได้อย่างสบายเท้าด้วย Paradigm 4.0 ก็เพิ่มฟังก์ชันสวมใส่เดินเที่ยวเล่นทั้งวันได้อีกตัวเลือกหนึ่งนอกเหนือไปจากใส่วิ่งระยะทางกลางๆ ถึงไกลๆ ซึ่งหลังใช้งานบางทีผู้สวมอาจจะต้องประหลาดใจกับประสิทธิภาพของมันอย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

post

Adidas Ultra Boost 19 เมื่อความเร็วสำคัญกว่าแฟชั่น

สำหรับนักวิ่งแล้ว หนึ่งในยี่ห้อรองเท้าที่พวกเขาให้การยอมรับและเลือกใช้มากเบอร์ต้นๆ ก็คืออาดิดาส ซึ่งหนึ่งในรุ่นที่ถูกผลิตออกมาและเป็นที่นิยมในกลุ่มนักวิ่งขาแรงก็คือ Boost Series ที่มี Ultra Boost เป็นตัวชูโรง และ Runner’s World ก็เลือกที่จะยก Ultra Boost 19 เป็นรองเท้าที่ควรค่าแก่การเป็นเจ้าของในปี 2019

เดิมทีความนิยมใน Ultra Boost Series เองก็อยู่ในระดับสูงอยู่แล้ว แถมการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่รุ่นแรกๆ จนถึงรุ่นก่อนหน้าที่รุ่น 19 จะออกวางจำหน่ายก็เป็นส่วนผสมที่ดีระหว่างคุณภาพรองเท้าที่เหมาะสำหรับการวิ่ง และเรื่องของแฟชั่นวงการรองเท้า ทว่าเมื่อเริ่มลงมือพัฒนารุ่น Ultra Boost 19 ขึ้นมาจริงๆ ทีมงานของอาดิดาสเลือกที่จะขอความเห็นจากนักวิ่งมากกว่า 1,000 คนเพื่อสร้างช้อยส์ที่เป็นเป้าหมายของรุ่นที่จะพัฒนา แน่นอนว่าเมื่อเลือกให้นักวิ่งช่วยคิดมันจึงกลายเป็นรองเท้าที่ถูกออกแบบมาเพื่อการวิ่งมากกว่าความสวยงาม

นักวิ่งจากทั่วทุกมุมโลกให้ความช่วยเหลือและออกความเห็นจน Ultra Boost 19 เป็นรองเท้าที่เหลือโครงสร้างหลักเพียง 4 ชิ้นเทียบกับรุ่น 18 ซึ่งมีถึง 17 ชิ้นแล้วมันจึงเป็นรองเท้าที่มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างมาก โดยเฉพาะอัปเปอร์ที่เป็นผ้าถักชิ้นเดียวแบบไร้รอยต่อคลุมปลายเท้าไปจนถึงข้อเท้า ได้อารมณ์เหมือนสวมถุงเท้าอย่างไรอย่างนั้น

เมื่อชิ้นส่วนของรองเท้าถูกเอาออกไปจนเหลือเท่าที่จำเป็น ตัวโฟมของ Ultra Boost 19 จึงสามารถเพิ่มความหนาขึ้นมาได้อีก 20% แต่มีน้ำหนักรวมท้ายที่สุดเท่ากับรุ่น 18 เท่านั้น ขณะที่ประสิทธิภาพในการคืนแรงเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก กลายเป็นรองเท้าที่นุ่มและรับน้ำหนักได้ดี

 นักวิ่งจำนวนหนึ่งที่ได้ทดสอบการใช้งานของ Ultra Boost 19 ให้ความเห็นในทิศทางเดียวกันหนึ่งเรื่องนั่นคือการที่มันขึ้นรูปอัปเปอร์ด้วยผ้า Primeknit 360 ที่ให้อารมณ์แบบสวมถุงเท้า แล้วมีเคสสำหรับร้อยเชือกยึดติดกับมิดโซลเอาไว้ ทำให้รองเท้ารุ่นนี้เหมือนไม่มีขอบรองเท้าที่ต้องใช้เวลาสักระยะหลังสวมใส่ให้เกิดการยึดขยายเข้ารูปเท้า พูดง่ายๆ ว่าเป็นรองเท้าที่ใส่แล้ววิ่งได้เลย เพราะธรรมดามักพูดกันว่ารองเท้าใหม่ควรใส่สักระยะให้มันขยายเข้ารูปเท้าเสียก่อน

ข้อโดนตำหนิของ Ultra Boost 19 ที่นักวิ่งต่างเทใจให้ในเรื่องที่มันตอบโจทย์ความต้องการของนักวิ่งไว้เกือบหมด ดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องที่อาดิดาสน่าจะรู้อยู่แล้วคือ “มันไม่สวย” เลย นั่นเพราะอย่างที่เกริ่นว่าอาดิดาสเลือกถามความเห็นนักวิ่งเพื่อสร้างรองเท้ารุ่นที่นักวิ่งจะรัก เมื่อเป็นเช่นนี้ดูเหมือนมันจะไม่ถูกใจสายแฟชั่นเท่าไหร่นัก

ด้วยความที่เป็นรองเท้าวิ่งที่เหมาะกับการวิ่งทั้งฮาล์ฟและมาราธอน ทำให้ราคาของ Ultra Boost 19 ที่วางจำหน่ายในราคา 7,300 บาทเรียกได้ว่าไม่ใช่น้อยๆ แต่ถ้าจะเลือกรองเท้าที่ใช้วิ่งได้เป็นอย่างดีแล้วล่ะก็ Ultra Boost 19 น่าจะตอบโจทย์ได้ว่ามันเป็นรองเท้าที่ใช่