post

เตรียมตัวอย่างไรก่อนก้าวแรกลงสนามมาราธอน

การวิ่งมาราธอนที่ต้องเอาชนะเส้นทาง 42.195 กิโลเมตรไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ถือเป็นกิจกรรมประเภท Endurance Sports ที่ต้องใช้ความทนทานและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ การทำงานของระบบหัวใจและหลอดเลือด จังหวะการหายใจ โดยระยะทางและรูปแบบการแข่งขันที่แตกต่างจากการวิ่งทั่วไป อาจจะทำให้ร่างกายเผชิญกับอันตรายได้ ดังนั้นการเตรียมตัวเพื่อลงวิ่งมาราธอนจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยเฉพาะสำหรับนักวิ่งที่กำลังจะลงวิ่งมาราธอนครั้งแรก

มีคำกล่าวว่า “มาราธอนแรกมีครั้งเดียว” ดังนั้นทุกคนต่างคาดหวังว่าจะสามารถลงวิ่งมาราธอนและจบการวิ่งได้โดยปลอดภัยและทำเวลาได้ตามที่เกมการแข่งขันกำหนด หรือพูดง่ายๆ ว่าวิ่งจบโดยไม่โดนคัท ออฟ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่านักวิ่งเตรียมตัวเองดีแค่ไหนด้วย ซึ่งต่อไปนี้คือข้อแนะนำสำหรับมือใหม่ที่เตรียมลงวิ่งมาราธอนครั้งแรก

  1. เลือกรายการวิ่งที่มีมาตรฐานการจัดงาน เพราะงานที่จัดได้อย่างมีมาตรฐานส่วนใหญ่จะเป็นงานที่เน้นความปลอดภัยสูง ทั้งเรื่องเส้นทาง การดูแลการจราจร การปฐมพยาบาล
  2. เลือกเวลาในการวิ่งที่เหมาะสม นักวิ่งที่ลงวิ่งมาราธอนครั้งแรกจะเผชิญกับการวิ่งที่นานกว่าปกติ หากลงวิ่งท่ามกลางอุณหภูมิที่สูงในช่วงเวลาสาย บวกกับเป็นสนามที่มีลมพัดน้อย หรือมีความชื้นสัมพัทธ์สูง จะทำให้ร่างกายได้รับอันตรายได้ง่าย อุณหภูมิที่ไม่แนะนำให้วิ่งคือสูงกว่า 35 องศาเซลเซียส
  3. สร้างความเคยชินกับรองเท้าวิ่งและเลือกการผูกเชือกที่เหมาะสม นักวิ่งหลายคนชอบลองรองเท้าใหม่ด้วยการใส่ลงวิ่งระยะทางไกลๆ ซึ่งรองเท้าที่ยังไม่ถูกใส่ให้เคยชินอาจจะกัดเท้าได้ รวมไปถึงโครงสร้างของเท้าที่ไม่เหมือนกัน เช่นบางคนหลังเท้าสูง การผูกเชือกรองเท้าแบบไขว้รัดหน้าอาจจะทำให้เกิดปัญหาระหว่างวิ่งได้ จึงควรหาวิธีผูกเชือกรองเท้าที่เหมาะสมกับตัวเองด้วยเช่นกัน
  4. เตรียมสภาพร่างกายก่อนวิ่ง เป็นที่แน่นอนว่าในคืนก่อนวิ่งร่างกายควรได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ แต่ก็มีนักวิ่งหน้าใหม่หลายคนที่ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ ซึ่งอาจจะทำให้ร่างกายอ่อนเพลียเร็วกว่าปกติ ดังนั้นควรฝึกนอนให้ตัวเองนอนหลับง่ายๆ และไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงก่อนวิ่ง 24 ชั่วโมงด้วย
  5. การวอร์มอัพและเหยียดกล้ามเนื้อต้องมากพอ เพื่อให้กล้ามเนื้อต่างๆ พร้อมสำหรับการทำงานระยะเวลานานๆ และทำให้ร่างกายเกิดการตื่นตัวในการรับมือกับกิจกรรมที่จะเกิดขึ้น
  6. การทานอาหารก่อนวิ่ง ต้องทานล่วงหน้าอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง โดยในการวิ่งที่ใช้เวลาเกิน 2 ชั่วโมงขึ้นไป นักวิ่งควรได้รับพลังงานจำพวกคาร์โบไฮเดรต และไม่ควรพลาดที่จะเติมพลังงานระหว่างวิ่งด้วย
  7. การดื่มน้ำที่เพียงพอ ร่างกายที่ขาดน้ำจะส่งผลกระทบต่อนักวิ่งอย่างมาก แต่ก็ไม่ควรดื่มมากจนเกินไปในแต่ละครั้ง โดยปกติในสนามแข่งขันมาราธอนจะมีการให้บริการน้ำดื่มและเกลือแร่ทุกๆ 2 กิโลเมตร หรือในระยะเวลาวิ่งระหว่าง 15-20 นาที ดังนั้นนักวิ่งต้องประเมินตัวเองว่าระหว่างแต่ละจุดให้น้ำนั้นจะใช้เวลาได้พอดี ไม่เกิดการขาดน้ำก่อน

                        การลงแข่งขันมาราธอนถือเป็นการต่อสู้กับหลายอย่าง ดังนั้นการเตรียมตัวที่ดีและการรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งจำเป็นในการเตรียมตัวและขณะวิ่งจึงเป็นเรื่องที่นักวิ่งต้องให้ความสำคัญ ซึ่งทั้งการซ้อมและการเตรียมตัวที่ดีจะช่วยให้นักวิ่งผ่านมาราธอนแรกได้อย่างสวยงามแน่นอน

post

50 State Marathon Finisher ความภาคภูมิใจของนักวิ่งผู้พิชิตทั่วอเมริกา

รางวัลที่ยิ่งใหญ่ในการวิ่งมาราธอนของโลกคือการพิชิตเมเจอร์ทั้ง 6 และเป็นผู้ครอบครองเหรียญ Six Stars Finisher แต่หากเป็นนักวิ่งมาราธอนชาวอเมริกันแล้ว ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่ใครทำสำเร็จจะได้รับการยกย่องอย่างมากไม่แพ้กัน นั่นคือการวิ่งพิชิตรายการมาราธอนที่จัดขึ้นในประเทศครบทุกรัฐ

แผ่นดินอเมริกาที่กว้างใหญ่ประกอบขึ้นด้วยรัฐทั้ง 50 รัฐ แต่ละรัฐต่างก็มีชมรมวิ่งของตัวเอง รวมไปถึงในมหาวิทยาลัยก็มีชมรมวิ่งมาราธอนอย่างกว้างขวาง ตลอดจนก็มีการจัดงานวิ่งทั้งระยะสั้นและระยะไกลเป็นประจำ ทำให้อเมริกาเป็นประเทศที่มีงานวิ่งอย่างมากมาย จนเกิดเป็นความท้าทายสำหรับนักวิ่งที่สามารถลงแข่งขันมาราธอนครบทุกรัฐ ซึ่งคนที่จะผ่านเงื่อนไข 2 ข้อแต่ยากสุดๆ ที่ว่าวิ่งมาราธอนครบทั้ง 50 รัฐอย่างน้อยรัฐละ 1 ครั้งและต้องทำเวลา Sub4 หรือใช้เวลาน้อยกว่า 4 ชั่วโมงเท่านั้น

ผู้ที่พิชิตชาลเลนจ์สุดหินนี้ได้จะได้รับการบรรจุชื่อเข้าเป็นสมาชิกของ 50 States Marathon Club พร้อมกับได้รับโล่รางวัลแห่งความภาคภูมิใจ แต่ว่าตั้งแต่ก่อตั้งองค์กรดังกล่าวขึ้นในปี 2001 มีนักวิ่งที่ประสบความสำเร็จจากการพิชิตมาราธอนครบ 50 รัฐรวม 1,490 ราย (ยังได้รับการยืนยันไม่ครบ) โดยนักวิ่งอายุน้อยที่สุดที่ทำสำเร็จเป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุ 17 ที่เริ่มวิ่งได้ 3 ปี แต่ลงสนามไปถึง 367 สนามในตอนนั้น ขณะที่นักวิ่งหญิงอายุ 20 ปีรายหนึ่งสามารถพิชิตมาราธอนครบ 50 รัฐโดยการลงวิ่งมาราธอนไม่ซ้ำรัฐตลอด 50 รายการ

อันที่จริงแล้วการวิ่งพิชิต 50 รัฐเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1983 โดยคนแรกที่ทำสำเร็จคือปู่ Wally Herman จากออนตาริโอ้ แคนาดา แต่เป็นที่รับรู้กับเพียงในกลุ่มวิ่งเล็กๆ ซึ่งกลุ่มนี้เองที่เป็นผู้ริเริ่มรวมตัวสร้างชมรมนักวิ่งพิชิต 50 รัฐขึ้น แต่กว่าจะสำเร็จลงตัวก็ต้องรอกันเกือบ 20 ปีทีเดียว

รายการวิ่งมาราธอนพิชิต 50 รัฐได้รวมเอา 3 รายการในประเทศที่เป็นส่วนหนึ่งของ 6 เมเจอร์หลักเข้าไปด้วย ไม่ว่าจะบอสตัน มาราธอนของรัฐแมสซาชูเซตส์, ชิคาโก มาราธอนของอิลลินอยส์และนิวยอร์ก มาราธอนของรัฐนิวยอร์ก แต่เนื่องจากช่วงแรกๆ หลายรัฐยังไม่มีการจัดวิ่งมาราธอนอย่างเป็นทางการ ทางองค์กรก็เลยไปเป็นผู้ดำเนินการให้เพื่อให้สามารถเกิดการวิ่งพิชิต 50 รัฐได้ เนื่องจากเป็นการยากไม่น้อยที่จะสามารถวิ่งครบ 50 รัฐได้ง่ายๆ ทางสมาคมที่จัดรางวัลนี้จึงมีรางวัลรายทางให้ด้วย โดยผู้ที่ผ่านการลงแข่ง 10 มาราธอนขึ้นไปสามารถสมัครเป็นสมาชิกของชมรมได้ ในช่วงเวลาหลังจากนั้นก็มีการจัดตั้งองค์กร 50 States Half Marathon Club ขึ้นมาบ้าง

ปัจจุบัน 50 States Marathon Club มีสมาชิกนักวิ่งทั้งชาวอเมริกันและต่างชาติรวม 4,613 คน สะสมสถิติงานวิ่งมาราธอนรวมกันไปเกิน 3 แสนรายการ พร้อมทั้งขยายความสัมพันธ์ไปทั่วทั้งโลก โดยเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการวิ่งพิชิตประเทศแคนาดา ประเทศออสเตรเลีย และพิชิตทั้ง 7 ทวีปตามมา

เรื่องราวของนักวิ่งที่พิชิต 50 รัฐของอเมริกากลายเป็นแรงบันดาลใจผู้คนจำนวนมาก ในวันที่โซเชียล กลายเป็นเครื่องมือสื่อสารชั้นดี นักวิ่งที่ตั้งเป้าพิชิต 50 รัฐจำนวนไม่น้อยได้บันทึกเรื่องราวความยินดีและความเหนื่อยยากของพวกเขาลงบนสื่อที่ถูกนำเสนอไปทั่วโลก

post

6 เคล็ดลับ เตรียมความพร้อม ก่อนวิ่งมาราธอน

การวิ่งมาราธอนเป็นการวิ่งระยะไกล ที่ต้องใช้ความอึดทนพอสมควรจึงจะสามารถวิ่งไปถึงเส้นชัยได้ ดังนั้นจึงต้องเตรียมความพร้อมร่างกายให้ดี เพื่อให้พร้อมสำหรับการวิ่งมากขึ้นและลดความเสี่ยงการบาดเจ็บระหว่างวิ่งมาราธอนด้วย โดยเราก็มี 6 เคล็ดลับมาแนะนำกันดังนี้

1.ยืดกล้ามเนื้อก่อนวิ่ง

ไม่ว่าจะวิ่งระยะใกล้หรือระยะไกล ควรเริ่มจากการยืดกล้ามเนื้อก่อน เพื่อคลายความตึงของกล้ามเนื้อและเพิ่มความยืดหยุ่น จึงวิ่งได้นานขึ้นโดยไม่ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการบาดเจ็บนั่นเอง โดยแนะนำให้ทำท่ายืดเหยียดหลาย ๆ ท่าผสมกันไปประมาณ 15 นาที แล้วจึงค่อยเริ่มต้นวิ่ง

2.ทานอาหารที่มีประโยชน์

การทานอาหารที่มีประโยชน์ก็เป็นการเตรียมพร้อมให้กับร่างกายได้ดีเช่นกัน โดยเฉพาะอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตและโปรตีน เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง และเพิ่มพลังงานให้ร่างกายมีความพร้อมสำหรับการวิ่งในระยะทางไกลมากขึ้น แต่ควรกินอาหารก่อนวิ่งอย่างน้อย 2 ชั่วโมงขึ้นไป เพื่อให้อาหารย่อยและไม่เกิดอาการจุกแน่นท้องขณะวิ่งนั่นเอง

3.พักผ่อนให้เพียงพอ

เมื่อร่างกายได้รับการพักผ่อนน้อยจะส่งผลให้เกิดความอ่อนเพลีย และไม่สามารถวิ่งมาราธอนให้ถึงเส้นชัยได้ ทั้งยังอาจเกิดการบาดเจ็บระหว่างวิ่งอีกด้วย ดังนั้นควรนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ซึ่งใครที่ชอบเล่นคาสิโนออนไลน์บนเว็บ VWIN จนดึกเป็นประจำ ก็ต้องปรับเปลี่ยนเวลาการเล่นสักนิด เพื่อไม่ให้รบกวนเวลานอนจนเกินไป

4.ซ้อมวิ่งบ่อย ๆ

การจะเป็นนักวิ่งมาราธอนที่ดีได้ จะต้องหมั่นซ้อมวิ่งเป็นประจำเพื่อให้ร่างกายเกิดความเคยชิน และสามารถวิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อต้องลงแข่งจริง ดังนั้นควรจัดตารางมาซ้อมวิ่งอยู่เสมอ ซึ่งการฝึกซ้อมวิ่งอาจวิ่งด้วยระยะทางเท่าไหร่ก็ได้ไม่ต้องเป๊ะมาก เอาตามที่ร่างกายไหว เพราะหากฝืนมากเกินไปก็จะเกิดอันตรายได้

5.เลือกรองเท้าให้เหมาะสม

การฝึกซ้อมและการมีทักษะในการวิ่งเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ต้องเลือกรองเท้าให้เหมาะสมด้วย เพราะรองเท้าที่ดีจะทำให้คุณวิ่งมาราธอนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและไม่เกิดการบาดเจ็บได้ง่าย โดยควรเลือกรองเท้าที่สามารถรองรับการกระแทกได้ดี ออกแบบมาเพื่อการวิ่งระยะไกลโดยเฉพาะ ที่สำคัญควรมีความนุ่มสวมใส่สบายและระบายอากาศได้ดี ทั้งนี้การเลือกรองเท้าวิ่งที่ดีและเหมาะสมจะทำให้คุณมีชัยไปกว่าครึ่งเลยทีเดียว

6.พกน้ำดื่มติดตัวไปด้วย

น้ำดื่มเป็นสิ่งสำคัญที่นักวิ่งมาราธอนจะขาดไม่ได้เลย เพราะเมื่อวิ่งด้วยระยะทางไกลเป็นเวลานาน ร่างกายอาจขาดน้ำจากการเสียเหงื่อและมีอาการกระหายน้ำได้ ดังนั้นจึงควรพกน้ำติดตัวไปด้วย จะได้หยิบออกมาดื่มได้ตลอดทางนั่นเอง

การจะวิ่งมาราธอนให้ไปถึงเส้นชัยได้สำเร็จ จะต้องมีการเตรียมความพร้อมหลาย ๆ อย่าง เพื่อส่งเสริมให้การวิ่งเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนั้นมาเตรียมความพร้อมให้กับตัวเองด้วย 6 เคล็ดลับเหล่านี้กันดีกว่า แล้วคุณจะกลายเป็นนักวิ่งมาราธอนมืออาชีพได้ไม่ยาก